นักวิเคราะห์โบรกเกอร์ชั้นนำ ส่องเป้าหุ้น ‘เอเชีย ไบโอแมส’ สูงสุดที่ 2.51 บาท เฉลี่ยที่ 2.42 บาท มองแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2561 เฉลี่ยโต 166% ตามแนวโน้มความต้องการเชื้อเพลิงชีวมวลเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ สอดรับนโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนทั่วโลก
นักวิเคราะห์โบรกชั้นนำวิเคราะห์หุ้น ABM ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวมวลที่มีความต้องการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต ได้แก่ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และกลุ่มโรงไฟฟ้า และผู้ที่นำเชื้อเพลิงชีวมวลไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ เช่น กลุ่มผู้แปรรูปชีวมวล กลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ และกลุ่มที่นำเชื้อเพลิงชีวมวลไปจัดจำหน่ายต่อ
บริษัทจะจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลจากแหล่งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวล (Supplier) ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า ABM จะมีแนวโน้มของผลประกอบการของ ABM ผ่านจุดต่ำสุดในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา จากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลกระทบต่อผลผลิตกะลาปาลม์ในช่วงปีที่ผ่านมาให้มีปริมาณลดลง รวมถึงจากผลกระทบการเร่งการระบายสินค้ากะลาปาล์มของผู้ส่งออกกะลาปาล์มในอินโดนนีเซีย จากมาตรการการเพิ่มภาษีส่งออก โดยในปี 2561 นักวิเคราะห์คาดการณ์ผลประกอบการเติบโตโดดเด่นเฉลี่ยกว่า 166% จากความต้องการเชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น ต้องการลดการพึ่งพิงโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ลง รวมถึงนโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานชีวมวลเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปี 2573
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองโครงการลงทุนของ ABM มีศักยภาพรองรับการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตชีวมวลอัดแท่ง (Biomass pellet) โดยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท แฟนซีวู้ดอินดัสตรีส จํากัด (มหาชน) หรือ FANCY ที่สัดส่วนการลงทุนร้อยละ 49 และ 51 ตามลำดับ บริเวณภาคใต้ และการจัดตั้งโรงงานผลิตไม้สับ และโรงงานผลิตชีวมวลอัดแท่ง (Biomass pellet) ของตนเองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีกำลังการผลิตสำหรับไม้สับ และชีวมวลอัดแท่ง ที่ 120,000 ตันต่อปี และ 24,000 ตันต่อปี ตามลำดับ โดยเบื้องต้น จะใช้เป็นโชว์รูมสำหรับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแสดงให้เห็นศักยภาพ และความพร้อมของบริษัทที่จะจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลให้แก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องตามคุณภาพที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการลงทุนในโครงการขยายพื้นที่เก็บรวบรวมกะลาปาล์มเพิ่มเติมในประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อรองรับการขยายตัวของความต้องการกะลาปาล์ม และการเพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ให้เป้าหมายอยู่ที่ 2.50 บาท โดยมีความเห็นว่า ปี 2561 ผลประกอบการโตโดดเด่นจากยอดขายชีวมวลอัดแท่ง (Biomass pellet) ตามความต้องการของลูกค้าในประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จากโรงงานไฟฟ้าพลังงานชีวมวลจะเริ่มแล้วเสร็จ และปริมาณการขายกะลาปาล์มในต่างประเทศกลับสู่ภาวะปกติ จากที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบการเร่งจำหน่ายกะลาปาล์มของผู้ขายในประเทศอินโดนีเซีย จากการคาการณ์การขึ้นภาษีการส่งออกในประเทศอินโดนีเซีย
ขณะที่บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ ให้เป้าหมายราคาหุ้น ABM ที่ 2.51 บาทต่อหุ้น โดยมองว่า ABM เป็นหนึ่งในผู้นำในการจัดหา ขนส่ง และจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลครบวงจรในเอเซีย โดยคาดว่า ผลการดำเนินงานน่าจะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2560 จากภาวะการณ์ที่ไม่ปกติของฤดูกาลที่ส่งผลต่อจำนวนกะลาปาล์มในตลาด และปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อตลาดในต่างประเทศเช่นกัน โดยคาดว่า ผลการดำเนินงานจะมีการเติบโตสูงขึ้นในปี 2561 จากกลยุทธ์การเติบโตภายในจากการขยายไปยังธุรกิจต้นน้ำ ประกอบกับปัจจัยบวกของอุตสาหกรรมสนับสนุนจากความต้องการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ บทวิเคราะห์ของ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้เป้าหมายราคาที่ 2.26 บาท โดยมีมุมมองธุรกิจเติบโตเท่าตัวจากปี 2560 หนุนโดยปริมาณการขายกะลาปาล์มทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังปีก่อนได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และความต้องการของลูกค้าโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นักวิเคราะห์โบรกชั้นนำวิเคราะห์หุ้น ABM ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวมวลที่มีความต้องการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต ได้แก่ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และกลุ่มโรงไฟฟ้า และผู้ที่นำเชื้อเพลิงชีวมวลไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ เช่น กลุ่มผู้แปรรูปชีวมวล กลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ และกลุ่มที่นำเชื้อเพลิงชีวมวลไปจัดจำหน่ายต่อ
บริษัทจะจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลจากแหล่งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวล (Supplier) ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า ABM จะมีแนวโน้มของผลประกอบการของ ABM ผ่านจุดต่ำสุดในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา จากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลกระทบต่อผลผลิตกะลาปาลม์ในช่วงปีที่ผ่านมาให้มีปริมาณลดลง รวมถึงจากผลกระทบการเร่งการระบายสินค้ากะลาปาล์มของผู้ส่งออกกะลาปาล์มในอินโดนนีเซีย จากมาตรการการเพิ่มภาษีส่งออก โดยในปี 2561 นักวิเคราะห์คาดการณ์ผลประกอบการเติบโตโดดเด่นเฉลี่ยกว่า 166% จากความต้องการเชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น ต้องการลดการพึ่งพิงโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ลง รวมถึงนโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานชีวมวลเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปี 2573
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองโครงการลงทุนของ ABM มีศักยภาพรองรับการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตชีวมวลอัดแท่ง (Biomass pellet) โดยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท แฟนซีวู้ดอินดัสตรีส จํากัด (มหาชน) หรือ FANCY ที่สัดส่วนการลงทุนร้อยละ 49 และ 51 ตามลำดับ บริเวณภาคใต้ และการจัดตั้งโรงงานผลิตไม้สับ และโรงงานผลิตชีวมวลอัดแท่ง (Biomass pellet) ของตนเองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีกำลังการผลิตสำหรับไม้สับ และชีวมวลอัดแท่ง ที่ 120,000 ตันต่อปี และ 24,000 ตันต่อปี ตามลำดับ โดยเบื้องต้น จะใช้เป็นโชว์รูมสำหรับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแสดงให้เห็นศักยภาพ และความพร้อมของบริษัทที่จะจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลให้แก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องตามคุณภาพที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการลงทุนในโครงการขยายพื้นที่เก็บรวบรวมกะลาปาล์มเพิ่มเติมในประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อรองรับการขยายตัวของความต้องการกะลาปาล์ม และการเพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ให้เป้าหมายอยู่ที่ 2.50 บาท โดยมีความเห็นว่า ปี 2561 ผลประกอบการโตโดดเด่นจากยอดขายชีวมวลอัดแท่ง (Biomass pellet) ตามความต้องการของลูกค้าในประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จากโรงงานไฟฟ้าพลังงานชีวมวลจะเริ่มแล้วเสร็จ และปริมาณการขายกะลาปาล์มในต่างประเทศกลับสู่ภาวะปกติ จากที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบการเร่งจำหน่ายกะลาปาล์มของผู้ขายในประเทศอินโดนีเซีย จากการคาการณ์การขึ้นภาษีการส่งออกในประเทศอินโดนีเซีย
ขณะที่บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ ให้เป้าหมายราคาหุ้น ABM ที่ 2.51 บาทต่อหุ้น โดยมองว่า ABM เป็นหนึ่งในผู้นำในการจัดหา ขนส่ง และจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลครบวงจรในเอเซีย โดยคาดว่า ผลการดำเนินงานน่าจะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2560 จากภาวะการณ์ที่ไม่ปกติของฤดูกาลที่ส่งผลต่อจำนวนกะลาปาล์มในตลาด และปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อตลาดในต่างประเทศเช่นกัน โดยคาดว่า ผลการดำเนินงานจะมีการเติบโตสูงขึ้นในปี 2561 จากกลยุทธ์การเติบโตภายในจากการขยายไปยังธุรกิจต้นน้ำ ประกอบกับปัจจัยบวกของอุตสาหกรรมสนับสนุนจากความต้องการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ บทวิเคราะห์ของ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้เป้าหมายราคาที่ 2.26 บาท โดยมีมุมมองธุรกิจเติบโตเท่าตัวจากปี 2560 หนุนโดยปริมาณการขายกะลาปาล์มทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังปีก่อนได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และความต้องการของลูกค้าโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก