“สนธิรัตน์” ถกผู้นำเศรษฐกิจภาคตะวันออก จับมือทำยุทธศาสตร์ผลไม้เมืองร้อน การพัฒนาจันทบุรีเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ การผลักดันการค้าชายแดน การส่งเสริมการค้า การลงทุน การเชื่อมโยงการท่องเที่ยว และการดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนใน EEC
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 4 ก.พ. 2561 ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมประชุมกับผู้นำเศรษฐกิจภาคเอกชนของภาคตะวันออก 8 จังหวัด ได้แก่ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม สมาคมธุรกิจ ผู้ประกอบการ สภาเกษตรกร และสถาบันการศึกษา ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก การผลักดันยุทธศาสตร์ผลไม้ภาคตะวันออก การพัฒนาจันทบุรีให้เป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ การผลักดันการค้าชายแดน การส่งเสริมการค้า การลงทุน การผลักดันการท่องเที่ยว เศรษฐกิจฐานราก และการส่งเสริมการค้าการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ทั้งนี้ ในด้านการจัดทำยุทธศาสตร์ผลไม้ กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นชาติมหาอำนาจด้านการค้าผลไม้เมืองร้อนของโลก โดยมีแผนที่จะพัฒนาผลไม้เกรดพรีเมียม เช่น ทุเรียน เพื่อเพิ่มมูลค่าและผลักดันให้ราคาสูงขึ้น การทำตลาดให้กับผลไม้เกรดรอง เช่น ทุเรียน มังคุด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ลำไยทอดสุญญากาศ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ผลไม้ไทย รวมถึงจะมีการพัฒนาช่องทางการจำหน่าย การกระจายผลไม้อย่างเป็นระบบ การเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการ เช่น การจัดหาสินเชื่อให้ และการประชาสัมพันธ์ผลไม้เมืองร้อนของไทยให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น
ส่วนการผลักดันให้จันทบุรีเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าจะผลักดันให้จันทบุรีเป็นศูนย์กลางการค้าพลอยสี เพราะเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของประเทศ โดยจะโปรโมตและผลักดันให้ต่างชาติเข้ามาทำการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น และยังจะร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำถนนสายอัญมณีเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว โดยจะมีการจัดทำรายละเอียดที่ตั้งร้านค้า สินค้าที่จำหน่าย เพื่อเป็นคู่มือให้แก่นักท่องเที่ยว
ในด้านการค้าชายแดน จะเร่งผลักดันให้มีการค้าขายผ่านด่านถาวรบ้านแหลม และด่านบ้านผักกาดให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก และมีแผนที่จะเข้าไปส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบการที่อยู่ตามแนวชายแดนมีความรู้ และเพิ่มการทำการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ จะเข้าไปช่วยส่งเสริมและผลักดันการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคตะวันออก เพราะเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของประเทศ ทั้งผลไม้ อัญมณี และยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆ อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเชื่อมโยงกันได้ก็จะทำให้เศรษฐกิจในภาคตะวันออกขยายตัวได้เพิ่มขึ้น
ส่วนการส่งเสริมและผลักดัน EEC กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะเจรจากับประเทศคู่ค้าต่างๆ โดยใช้นโยบายหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ (Strategic Partnership) ในการดึงดูดและชักจูงให้เข้ามาลงทุนใน EEC ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนแล้ว และขณะนี้กำลังจะดึงนักลงทุนจีนและรัสเซียให้เข้ามาดูพื้นที่และเพิ่มการลงทุนใน EEC รวมถึงประเทศอื่นๆ ซึ่งหากทำได้สำเร็จตามเป้าก็จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกได้อีกมาก