“พาณิชย์” รับลูก “สมคิด” ผลักดันปีทองแห่งการขยายการค้าและการลงทุนไทย เตรียมเดินหน้ายุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจถกคู่ค้าเป็นรายประเทศ เปิดตลาดการค้าให้ไทย เผย เม.ย.นี้เตรียมนัดเจรจาทีมเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก หลังทรัมป์เป็นประธานาธิบดี
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับแผนการเจรจาการค้าตามนโยบายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้ตั้งเป้าให้ปีนี้เป็นปีทองแห่งการค้าและการลงทุนของไทย โดยมีแผนที่จะเจรจาเปิดตลาดการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์การเจรจาการค้ารูปแบบหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในการเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ หลังจากที่ปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการขยายความร่วมมือกับคู่ค้า ทั้งญี่ปุ่น อิหร่าน รัสเซีย ศรีลังกา และเกาหลีใต้ไปแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ยังมีแผนที่จะขยายความสัมพันธ์กับคู่ค้าสำคัญๆ เช่น สหรัฐฯ ที่จะมีการจัดคณะผู้แทนระดับสูงทั้งภาครัฐและเอกชนเดินทางไปเยือนและหารือกันอย่างต่อเนื่อง และจะใช้เวทีการประชุมที่มีอยู่ คือ การประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและสหรัฐฯ (TIFA JC) ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในเดือน เม.ย. 2560 นี้ ในการขยายการค้าการลงทุนกับสหรัฐฯ และถือเป็นครั้งแรกของทีมเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ที่จะมาหารือกับไทย รวมทั้งจะใช้โอกาสที่อาเซียนและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ครบรอบ 40 ปี จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการค้าและการลงทุนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกันจะร่วมมือกับอาเซียนในการผลักดันให้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) สำเร็จโดยเร็ว โดยในปีนี้มีแผนการประชุมของคณะกรรมการเจรจาอีก 4 ครั้ง คาดว่าน่าจะสรุปผลการเจรจากันได้ ซึ่งจะเป็นอีกข้อตกลงการค้าหนึ่ง ที่จะช่วยในการขยายการค้าและการลงทุนของไทยได้เพิ่มขึ้น
“ตอนนี้ทุกประเทศให้การยอมรับไทย มีความต้องการที่จะเจรจาการค้า การลงทุนกับไทย เพราะรู้ว่าไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และไทยมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ขณะที่นโยบายรัฐบาลก็เปิดกว้างในการส่งเสริมการค้าและการลงทุน มีนโยบายที่เอื้อต่อการค้าและลงทุนมากมาย ทำให้นักลงทุนจากต่างประเทศต่างๆ ก็เข้ามาลงทุนและขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง” นางอภิรดีกล่าว
นางอภิรดีกล่าวว่า ในด้านการผลักดันการส่งออก จากการประเมินและหารือร่วมกับผู้ประกอบการในภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม พบว่า มีแนวโน้มการส่งออกขยายตัวได้ดีทุกกลุ่มสินค้า โดยเบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าขยายตัวไว้ที่ 3% แต่อาจจะเติบโตได้ถึง 3.5% เพราะขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่ส่งออกน้ำมัน ที่กำลังซื้อเริ่มมีมากขึ้น และยังได้ติดตามประเมินผลด้านเศรษฐกิจการค้าจากกรณี Brexit และนายทรัมป์เป็นประธานาธิบดี อย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่พบสัญญาณทางด้านลบต่อการส่งออกแต่อย่างใด