“พาณิชย์” โต้เรื่องอาหารแพงขึ้น แจงตลอดปีราคาเพิ่มไม่ถึง 1 บาท ยกเว้นอาหารโทร.สั่ง พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นกันจะจะ ข้าวราดแกงเพิ่มแค่ 47 สตางค์ ก๋วยเตี๋ยวเพิ่ม 16 สตางค์ ข้าวราดกะเพราหมูเพิ่ม 33 สตางค์ โจ๊กหมูหรือไก่ใส่ไข่เพิ่ม 26 สตางค์ กับข้าวถุงเพิ่ม 41 สตางค์ ส่วนไก่ทอด-พิซซาลด 44 สตางค์ พร้อมยันมีแผนดูแลค่าครองชีพต่อเนื่อง เข้มคุมราคา ใช้ร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านหนูณิชย์มาช่วย
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงกรณีมีข่าวเรื่องราคาอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้านสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งปี 2560 ทำให้ผู้บริโภคต้องรับภาระอาหารแพง โดยอ้างอิงตัวเลขจากการเก็บราคาเพื่อคำนวณเงินเฟ้อ ซึ่ง สนค.เป็นหน่วยงานที่ดำเนินการอยู่ ว่า จากการเก็บราคาของ สนค. ราคาอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน ในรอบ 11 เดือนของปี 2560 มีบางรายการติดลบ ส่วนรายการที่เพิ่มก็ไม่มีรายการใดที่เพิ่มเกิน 1 บาท ยกเว้นอาหารโทร.สั่ง
“จากข่าวที่มีการนำเสนอได้ระบุถึงราคาอาหารบริโภคในบ้านนอกบ้านที่เพิ่มขึ้นทุกเดือนมากกว่าร้อยละ 1 ขอชี้แจงว่า ตัวเลขที่ปรากฏในข่าวเป็นตัวเลขที่เทียบระหว่างราคาของเดือนเดียวกันในปีปัจจุบันกับปีก่อนหน้า ซึ่งจะไม่สะท้อนถึงราคาที่เพิ่มขึ้นแท้จริง หากจะดูว่าราคาอาหารเพิ่มเท่าไรในแต่ละปีต้องดูที่ตัวเลขรวมเฉลี่ยของปีเป็นช่วงๆ เช่น หากดูราคาอาหารบริโภคนอกบ้านเฉลี่ยทั่วประเทศของปี 2560 จนถึงขณะนี้ (ม.ค.-พ.ย.) จะพบว่าราคาเพิ่มขึ้น 1.17% เมื่อเทียบกับ 11 เดือนในปี 2559 ส่วนราคาอาหารบริโภคในบ้านเพิ่มขึ้น 1.13% โดยเมื่อแปลงจากร้อยละมาเป็นราคาที่แท้จริงแล้วจะพบว่าราคาอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้านทั้งปี 2560 สูงขึ้นไม่ถึง 1 บาท ยกเว้นอาหารโทร.สั่ง และบางอย่างติดลบ”
ทั้งนี้ ตัวอย่างเช่น ข้าวราดแกง เพิ่มขึ้น 0.47 บาท (ราคาเฉลี่ยปี 59 คือ 34.16 บาท ปี 60 คือ 34.63 บาท) ก๋วยเตี๋ยว เพิ่มขึ้น 0.16 บาท (34.02/34.18 บาท) ข้าวราดกะเพราหมู เพิ่มขึ้น 0.33 บาท (35.02/35.35 บาท) ไก่ทอด-พิซซา ลดลง 0.44 บาท (52.10/51.66 บาท) โจ๊กหมูหรือไก่ใส่ไข่ เพิ่มขึ้น 0.26 บาท (30.20/30.46 บาท) กับข้าวถุง เพิ่มขึ้น 0.41 บาท (31.17/31.58 บาท) เป็นต้น
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า จากการคำนวณสัดส่วนค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ย 12,000-62,000 บาท ในการซื้ออาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน พบว่า ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2560 ครัวเรือนใช้เงินเพิ่มขึ้นรวม 18.23 บาท (ประมาณ 6.07 บาทต่อคน) ในการซื้ออาหารไปรับประทานในบ้าน และใช้เงินเพิ่มขึ้นรวม 20.23 บาทต่อครัวเรือน (ประมาณ 6.74 บาทต่อคน) ในการซื้ออาหารรับประทานนอกบ้าน
“แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้านจะคิดเป็นเงินที่ไม่มากนัก แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้หามาตรการช่วยลดภาระผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การติดตามราคาสินค้าที่กระทรวงกำหนดเป็นรายการควบคุม การรณรงค์แนะนำทางเลือกซื้อสินค้าราคาย่อมเยาแต่มีคุณภาพดี ภายใต้โครงการ “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” แนะนำร้านอาหารที่มีราคาถูกแต่มีคุณภาพดี ภายใต้โครงการ “หนูณิชย์พาชิม” ในแต่ละจังหวัด เป็นต้น”
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2560 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศให้แนวทางเพิ่มเติม 2 ประการในการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน โดยจะเพิ่มความเข้มข้นในการใช้กฎหมายมาดูแลราคาสินค้า พร้อมกับจะเพิ่มการแข่งขันในตลาด หาสินค้าให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น โดยจะใช้กลไก “ร้านธงฟ้าประชารัฐ” และสินค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่ปกติจะขายโดยมีราคาต่ำกว่าสินค้าทั่วไปในท้องตลาดร้อยละ 10-20 มาเป็นอีกตัวเลือกให้ผู้บริโภคได้จับจ่ายซื้อสินค้าในราคาที่ต่ำ สำหรับมาตรการเดิม เช่น ร้านหนูณิชย์ ก็จะขยายเครือข่ายร้านค้าที่ได้รับเครื่องหมายให้มากขึ้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ชูเรื่องการดูแลค่าครองชีพของประชาชนเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงในปี 2561