“ปานเทพ” โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าเรื่องศูนย์อาหารประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดนผู้ดูแลโกงรายได้จนชาวบ้านที่เห็นปัญหาเรียกร้องให้จัดระบบเก็บรายได้เสียใหม่ โดยตั้งเคาน์เตอร์แลกเงิน “บรรษัทข้าวแกงแห่งหมู่บ้าน” กลับถูกกลุ่มผู้เสียประโยชน์ขัดขวาง สร้างภาพให้ร้าย ซ้ำกรรมการหมู่บ้านก็ให้ชะลอการตั้งเคาน์เตอร์ แถมสั่ง รปภ. จับชาวบ้านที่รู้ทันมัดแขนขา - ปิดปาก เพื่อไม่ให้ไปขวางการโกง
วันนี้ (3 เม.ย.) เวลา 16.29 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในหัวข้อ “บรรษัทข้าวแกงแห่งหมู่บ้าน!” โดยมีรายละเอียดระบุว่า
ชาวบ้าน “หมู่บ้านสารขัณฑ์” ต่างช่วยกันลงเงินสร้างศูนย์อาหารใหญ่ประจำหมู่บ้าน เมื่อสร้างได้ศูนย์อาหารแล้ว ก็สามารถจัดสรรให้แผงอาหารได้ถึง 200 ร้าน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีคนมาเซ้งร้านหรือไม่ เพราะไม่มีใครแน่ใจว่าร้านค้าที่มาเซ้งนั้นจะขายได้หรือไม่?
เริ่มต้นก็เลยฝากให้สมาชิกหมู่บ้าน 3 - 4 คน มาช่วยดูแล เรียกกลุ่มนี้ว่า “กลุ่มข้าวแกงธรรมชาติ”
แต่ด้วยเพราะศูนย์อาหารแห่งนี้เพิ่งเริ่มต้นและขาดประสบการณ์ จึงใช้วิธีผ่อนปรน โดยเชิญให้คนมาเซ้งร้านเป็นเวลา 4 ปี โดยเก็บค่าเซ้งไม่แพง และเก็บรายได้ทุกเดือนจากกำไรของแต่ละร้าน โดย “กลุ่มข้าวแกงธรรมชาติ” ได้เข้ามาเก็บผลประโยชน์เดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น ไม่ได้มาเฝ้าประจำตรวจสอบเพื่อเก็บเงินทุกวัน ทุกเวลา
วิธีการแบ่งรายได้ระหว่างผู้เช่าแผงร้านค้ากับศูนย์อาหาร คือ “กำไรหลังหักค่าใช้จ่าย” มีเท่าไหร่ให้แบ่งให้ศูนย์อาหาร 50 เปอร์เซ็นต์ และที่เหลืออีก 50 เปอร์เซ็นต์ ให้กับร้านค้า
ปรากฏว่า เกิดการโกงกันครั้งใหญ่ เพราะ “กลุ่มข้าวแกงธรรมชาติ” เข้ามารับตัวเลขกำไรตามที่แต่ละร้านส่งบัญชีให้เท่านั้น จึงไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วถูกโกงไปเท่าไหร่ เพราะร้านค้าหัวใสทำ 2 บัญชี เพื่อจะได้จ่ายค่าเช่าแผงด้วยเงินที่น้อยกว่าความเป็นจริง
เพราะ “กลุ่มข้าวแกงธรรมชาติ” ไม่ได้เฝ้าจับตาตลอดเวลา ร้านข้าวมันไก่ขายได้ 100 จานต่อวัน ก็รายงานเพียงว่าขายได้ 50 จานต่อวัน เพื่อจะได้ลดกำไรที่จะแบ่งให้ศูนย์อาหาร
เพราะ “กลุ่มข้าวแกงธรรมชาติ” ไม่ได้เฝ้าจับตาตลอดเวลา เจ้าของร้านแผงก๋วยเตี๋ยวขายผ่านลูกชายทั้งหมดชามละ 5 บาท เพื่อไปขายให้ลูกค้าตัวจริงในศูนย์อาหารนั้นชามละ 20 บาท เพื่อจะได้ลดกำไรที่จะแบ่งให้ศูนย์อาหาร
ส่วนร้านกาแฟ ได้นำค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารมาเป็นค่าใช้จ่าย เช่น ค่าอาหารและเครื่องดื่มคนในบ้านและญาติพี่น้อง เพื่อทำให้กำไรต่ำลง จะได้จ่ายเงินให้ศูนย์อาหารลดลงกว่าความเป็นจริง
ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิก “กลุ่มข้าวแกงธรรมชาติ” บางคน ทำเป็นตาบอดมองไม่เห็นปัญหา ทำงานเช้าชามเย็นชาม เพราะไปรับสินบนส่วนแบ่งจากร้านอาหารต่างๆเหล่านี้เป็นการส่วนตัวด้วย
ผ่านไปเกือบ 3 ปีครึ่ง ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่เห็นปัญหาเหล่านี้ทนไม่ได้ เพราะชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ต้องซื้ออาหารแพงกว่าหมู่บ้านอื่น แถมรายได้จากศูนย์อาหารก็น้อยกว่าที่ควรจะเป็นด้วย
ปรากฏว่า ในบรรดาร้านค้าทั้งหมด มี 2 ร้านค้าที่ขายดีที่สุด คือ ร้านตั๊กข้าวมันไก่ กับ ร้านกาแฟช้าง และบังเอิญว่า 2 ร้านนี้ กำลังจะหมดสัญญาเซ้งในอีก 6 เดือนนี้
ผลสำรวจชาวบ้านให้เหตุผลว่า ร้านตั๊กข้าวมันไก่ กับ ร้านกาแฟช้าง ขายดีที่สุด เป็นเพราะอยู่ในทำเลฮวงจุ้ยดีที่สุด คือ ติดบ่อเลี้ยงปลา มีน้ำตก ลมพัดดี ขายดีถึงขนาดคิดเป็นยอดขายครึ่งหนึ่งของศูนย์อาหารแห่งนี้ และบังเอิญที่กำลังจะหมดสัญญาครบ 4 ปี ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ชาวบ้านเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องปฏิรูปศูนย์อาหารแห่งนี้เสียที เพราะเมื่อหมดสัญญา นอกจากทรัพย์สินและเครื่องมือจากร้านตั๊กข้าวมันไก่ และ ร้านกาแฟช้าง จะตกเป็นของศูนย์อาหารแล้ว ศูนย์อาหารประจำหมู่บ้านจะได้ประมูลแข่งขัน 2 ร้านค้านี้เสียที
คณะกรรมการหมู่บ้าน จึงมาประชุมการจัดระเบียบศูนย์อาหารกันใหม่ เห็นว่า ต้องประมูลร้านข้าวมันไก่ และ ร้านกาแฟใหม่ แต่ก็วางใจไม่ได้ เพราะยังมีปัญหาการรั่วไหลที่ต้องหาทางป้องกันการโกงด้วย
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งร่วมกับทหารอีก 5 คนที่อยู่ในหมู่บ้าน จึงเสนอว่าวิธีการดีที่สุด คือ ต้องทำเคาน์เตอร์แลกเงิน โดยระบบคูปองแลกเงิน จะได้ตรวจปริมาณอาหาร และราคาที่ขายได้อย่างถูกต้อง และถ้าจะให้ดีกว่านั้นคือใช้การรูดบัตร และติดกล้องวงจรปิดให้ชาวบ้านทุกหลังได้ดูได้ผ่านอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
ที่ประชุมเสนอให้เรียกชื่อเคาน์เตอร์แลกเงินนี้ว่า “บรรษัทข้าวแกงแห่งหมู่บ้าน”
ปรากฏว่า คนที่ไม่พอใจที่สุดก็คือร้านค้าทั้งหลาย โดยเฉพาะร้านตั๊กข้าวมันไก่ กับ ร้านกาแฟช้าง และคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่พอใจคือ “กลุ่มข้าวแกงธรรมชาติ”
เพราะถ้าตั้งเคาน์เตอร์แลกเงิน “บรรษัทข้าวแกงแห่งหมู่บ้าน” สำเร็จเมื่อไหร่ ความลับแห่งการโกงจะถูกเปิดออกมา อย่างที่ชาวบ้านทั้งหมดจะไม่เคยคิดมาก่อน
คนกลุ่มผลประโยชน์ที่ร่วมกันโกงทั้งหลาย จึงสมรู้ร่วมคิดกันปั่นกระแสจ้างวิทยุชุมชนในหมู่บ้าน ติดใบปลิว ใส่ร้ายป้ายสีว่า การสร้างบรรษัทข้าวแกงแห่งหมู่บ้านจะมีทหาร 6 คน จะเข้ามานั่งในเคาน์เตอร์ ยึดกินรวบมาเป็นมาเฟียศูนย์อาหารแห่งนี้ไปหมด เพื่อสร้างภาพให้ชาวบ้านหวาดกลัว
ทั้งๆ ที่ระเบียบที่ประชุมไม่มีการกล่าวถึงทหารแม้แต่ข้อความเดียว !!!
ผลปรากฏว่า ที่ประชุมกรรมการหมู่บ้านจึงสรุปว่า ยังไม่ต้องตั้งเคาน์เตอร์แลกเงิน “บรรษัทข้าวแกงแห่งหมู่บ้าน” และให้ไปศึกษานานๆ สัก 1 ปี ไปก่อน
ระหว่างนี้รีบเปิดประมูลเซ็นสัญญาร้านข้าวมันไก่ และ ร้านกาแฟ ไปโดยเร็ว ประมูลยังไงก็ชนะ เพราะยังสามารถโกงสารพัดในรูปแบบเดิมได้ตราบใดที่ไม่มีเคาน์เตอร์แลกเงิน เพราะการโกงกินยังสามารถดำเนินได้ต่อไป
เหล่าร้านอาหาร เช่น ตั๊กข้าวมันไก่ กาแฟช้าง และร้านอาหารทั้งหมด พร้อมทั้ง “กลุ่มข้าวแกงธรรมชาติ” เฉลิมฉลองกันยกใหญ่ เพราะจะได้ร่ำรวยมั่งคั่งต่อไปได้อีก 4 ปี
ในระหว่างนี้กลุ่มผลประโยชน์โกงหมู่บ้านก็สั่ง รปภ. นักเลงหัวไม้มาข่มขู่ และจับชาวบ้านที่รู้ทันมามัดแขนขา - ปิดปาก จะได้โกงกันต่อไปไม่ให้มีใครได้ยิน และไม่มีใครขัดขวาง!!!
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
3 เมษายน 2560