“กรมการค้าต่างประเทศ” ชี้ช่องผู้ประกอบการหาโอกาสส่งออกตลาดอินเดีย แนะหาคู่ค้าที่วางใจได้เป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อประเมินโอกาส และอย่าลืมขอใช้สิทธิส่งออกภายใต้ FTA เพื่อลดต้นทุนและสร้างโอกาสแข่งขันให้สินค้าไทย พร้อมแนะควรศึกษาการเข้าไปลงทุนด้วย ระบุการแปรรูปสินค้าเกษตรมีโอกาสสูง เหตุอินเดียต้องการ ระบุมีแผนจัดสัมมนาเชิงลึกเจาะตลาดอินเดีย 21 พ.ย.นี้ให้ผู้สนใจด้วย สามารถชมได้ทางเฟซบุ๊ก Live DFT2go
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ มีข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่ยังมีเงินทุนไม่มากพอจะไปลงทุนในอินเดีย อาจจะลองส่งออกสินค้าไปขายที่อินเดียก่อน โดยเริ่มจากการหาคู่ค้าที่ไว้วางใจได้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายในอินเดีย เพื่อจะประเมินการตอบรับของตลาดว่ามีความสนใจสินค้าชนิดนั้นๆ มากน้อยเพียงใด แต่เนื่องจากประเทศอินเดียมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าไทยมาก ทำให้สินค้ามีราคาถูกกว่า การนำสินค้าไทยไปจำหน่าย เมื่อบวกต้นทุนการผลิต รวมอัตราภาษี ค่าขนส่ง ก็จะทำให้สินค้าไทยมีราคาแพงขึ้นหลายเท่า ผู้ประกอบการควรจะศึกษาเรื่องการใช้สิทธิพิเศษการส่งออกแบบได้รับการยกเว้นภาษี ผ่านการใช้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งปัจจุบันการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยและอินเดียสามารถเลือกใช้ FTA ได้ 2 ฉบับ ได้แก่ FTA ไทย-อินเดีย และ FTA อาเซียน-อินเดีย โดยการนำเข้าภายใต้เงื่อนไขการขอใช้สิทธิพิเศษทางภาษีจะช่วยลดภาระในเรื่องของการจ่ายภาษีศุลกากรตอนสินค้านำเข้าอินเดียได้ ส่งผลให้ราคาสินค้าของไทยถูกลงได้ หากไม่มีภาระในการจ่ายภาษีดังกล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตัวอย่างสินค้าไทยที่ส่งออกและมีการขอใช้สิทธิประโยชน์ FTA ดังกล่าว ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ โพลิคาร์บอเนต ฟีนอล ออกไซด์เรซิน ตู้เย็นที่มีช่องแช่แข็ง ลวดทองแดงและส่วนประกอบเครื่องยนต์ เป็นต้น โดยในช่วง 9 เดือนของปี 2560 (ม.ค.-ก.ย.) มีการขอใช้สิทธิ FTA ไทย-อินเดีย ส่งออกมูลค่ากว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ FTA อาเซียน-อินเดีย มีการส่งออกมูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ ผลจากการที่อินเดียมีนโยบาย Make in India โดยดึงดูดบริษัทอินเดียและต่างชาติลงทุนสร้างโรงงานผลิต โดยมุ่งเน้นใน 25 อุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อากาศยาน เทคโนโลยีชีวภาพ การก่อสร้าง อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เครื่องจักร อิเล็กทรอนิคส์ การแปรรูปอาหาร IT และ Business Process Management (BPM) เครื่องหนัง สื่อและอุตสาหกรรมบันเทิง เหมืองแร่ น้ำมันและก๊าซ ยารักษาโรค การท่องเที่ยวและการบริการ เป็นต้น ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร เพราะอินเดียมีปัญหาผลผลิตล้นตลาด หากไทยเข้าไปลงทุน นอกจากการทำตลาดในอินเดียแล้ว ยังสามารถส่งออกไปยังประเทศใกล้เคียงในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ ทั้งบังกลาเทศ และปากีสถาน ซึ่งมีสิทธิพิเศษการส่งออกยกเว้นภาษีนำเข้าระหว่างกัน (ภาษีร้อยละ 0) ได้ด้วย
นายอดุลย์กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาและเรียนรู้ตลาดอินเดียเชิงลึก สามารถเข้าร่วมการสัมมนากรมการค้าต่างประเทศ ซีรีส์ 4 หัวข้อ “มองอินเดียใหม่...ความท้าทายและโอกาสที่คาดไม่ถึง” ในวันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2560 ระหว่างเวลา 08.00-16.30 น. ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ แต่เนื่องด้วยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากถึง 1,200 คนแล้ว กรมฯ จึงได้เพิ่มทางเลือกในการรับฟังการสัมมนาผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก Live DFT2go