xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” ไม่ยื่นอุทธรณ์ ปิดฉากคดีจำนำข้าว ประสานบัวแก้วเชิญตัว ส่วน “บญทรง-ภูมิ” ยื่นอุทธรณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online – ทนาย - อัยการ ไม่อุทธรณ์คดีจำนำข้าว รอตามตัว “ยิ่งลักษณ์” รับโทษ 5 ปี ไม่รอลงอาญา คดีไม่มีอายุความ ส่วนทุจริตระบายข้าวจีทูจี “บุญทรง - ภูมิ” ยื่นอุทธรณ์แล้ว

เมื่อเวลา 11.20 น. วันนี้ (29 ต.ค.) นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล ผู้ตรวจการอัยการ ซึ่งเป็นหนึ่งในการทำงานอัยการคดีโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าว เปิดเผยว่า คดีจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123/1 ซึ่งบทหนักสุดที่ละเลยการตรวจสอบระบายข้าวจีทูจีจนทุจริตเสียหาย เป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ขณะนี้คดีถึงที่สุดแล้ว เนื่องครบกำหนดระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ไปเมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยทางฝ่ายจำเลยไม่ได้มายื่นอุทธรณ์หรือขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คดี เพราะถ้ามายื่นอุทธรณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเลยจะต้องเดินทางมายื่นด้วยตนเองตามกฎหมาย ในส่วนของคณะทำงานอัยการคดีนี้ได้เสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุดเห็นควรไม่ควรอุทธรณ์ เนื่องจากศาลฎีกาฯ ลงโทษตามฟ้องแล้ว ซึ่ง นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด อัยการสูงสุดเห็นด้วยโดยมีคำสั่งไม่อุทธรณ์คดีนี้แล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 ต.ค. ผ่านมา

นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขั้นตอนหลังจากคดีจำนำข้าวถึงที่สุดแล้ว เราก็จะแจ้งคำสั่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ทราบเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการได้ตัวมาก็เป็นส่วนของการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งจะไม่มีการนับอายุความแล้ว ซึ่งจะต้องให้ทราบแหล่งที่อยู่ที่แท้จริงของจำเลย ตาม พ.ร.บ. ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา เพื่อจะได้ดำเนินการเรื่องส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจะต้องประสานกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“คดีนี้อัยการทำตามหน้าที่ ก็มีคนถามว่าทำไมลงโทษน้อย คดีนี้เราฟ้องให้จำคุกในอัตราโทษตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับเงิน 20,000 - 200,000 บาท ทั้งนี้ ศาลท่านก็วินิจฉัยเหมาะสมแก่การลงโทษแล้ว คือ ให้จำคุก 5 ปี ซึ่งถือว่าสูงแล้ว ในคดีความผิดลักษณะอย่างนี้” นายสุรศักดิ์ กล่าว

นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ก็เหลือคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวก ตกเป็นจำเลย ซึ่งทางฝ่ายจำเลยยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ ส่วนอัยการก็ยื่นอุทธรณ์เช่นกันซึ่งศาลฎีกาฯอนุญาตให้อุทธรณ์แล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาว่าเราจะโต้แย้งประเด็นที่ศาลฎีกาฯยกฟ้องจำเลยกลุ่มเจ้าของโรงสีข้าวด้วยหรือไม่ โดยจะพิจารณาคำพิพากษาที่เป็นคำวินิจฉัยส่วนตนของแต่ละท่านอย่างละเอียดและคณะทำงานอัยการจะนัดประชุมกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

เมื่อถามถึง เรื่องการเพิกถอนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว นายสุรศักดิ์ รองหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว กล่าวว่า กรณีนั้นเป็นเรื่องกระทรวงการต่างประเทศต้องพิจารณาต่อไป ขณะที่ นายกิตินันท์ ธัชประมุข อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นคณะทำงานรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการอุทธรณ์คดีทุจริตระบายข้าว ว่า จะมีการประชุมคณะทำงานในช่วงต้นเดือน พ.ย. นี้ เพื่อจะสรุปประเด็นการอุทธรณ์คดีซึ่งขณะนี้ได้มีการร่างคำอุทธรณ์ไว้แล้วว่าจะมีแนวทางอย่างไร ซึ่งหลักใหญ่ก็จะเน้นกลุ่มเอกชนและลงสีที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้องไป ซึ่งส่วนนี้จะต้องพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบ เพราะจะมีผลสืบเนื่องกับความเสียหายทางแพ่งโดยถ้าศาลยกฟ้องราชการก็มีอาจเรียกร้องค่าเสียหายจากกลุ่มโรงสีดังกล่าวได้ ส่วนกลุ่มจำเลยที่เป็นอดีตนักการเมืองและอดีตข้าราชการกรมการค้าต่างประเทศนั้นก็เป็นประเด็นยิบย่อย ในเรื่องการแก้ไขสัญญาบางฉบับว่าจะยื่นอุทธรณ์ด้วยหรือไม่โดยคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ออกมาแล้ว นั้นก็ได้ลงโทษกลุ่มจำเลยดังกล่าวไว้ในอัตราโทษที่ค่อนข้างสูงตามบทลงโทษแล้ว

เมื่อถามว่า อัยการจะสรุปประเด็นและยื่นอุทธรณ์คดีการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีได้ทันภายในระยะเวลาการขอขยายอุทธรณ์ ครั้งที่ 2 นี้ช่วงสิ้นเดือน พ.ย. หรือไม่ นายกิตินันท์ ธัชประมุข อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน กล่าวว่า น่าจะทันเพราะขณะนี้มีความพร้อม ในการร่างอุทธรณ์ไว้แล้วเพียงแต่ต้องสรุปประเด็นให้ครบถ้วนชัดเจนอีกครั้งโดยในส่วนของ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 1 - 2 นั้น ได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาฯแล้ว และขณะนี้คณะทำงานอัยการก็ได้รับสำเนาคำอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองแล้ว ระหว่างนี้ก็จะตรวจดูรายละเอียดเพื่อจะทำคำแก้อุทธรณ์ส่งต่อศาลฎีกาฯต่อไป ซึ่งจะมีระยะเวลาประมาณ 30 วัน แต่หากรายละเอียดมีมาก ทำคำแก้อุทธรณ์ไม่ทันก็ขอขยายระยะเวลาได้อีก

เมื่อถามว่า การไม่ยื่นอุทธรณ์คดีจำนำข้าวที่ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษในประเด็นการระบายข้าวเท่านั้น ไม่ได้ระบุเป็นความผิดจำนำข้าวแล้วจะมีผลอย่างไรหรือไม่ นายกิตินันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน กล่าวว่า สำหรับคดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น เป็นการกระทำเพียงกรรมเดียวโดยเป็นการยื่นฟ้องถึงการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในภาพรวมทั้งโครงการจำนำข้าวที่มีความต่อเนื่องมา จนถึงการนำข้าวที่เข้าสู่โครงการมาระบายออกขาย ด้วยการทำสัญญาขายข้าวแบบจีทูจี ดังนั้น แม้จะเป็นการระบุถึงการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบฯในช่วงของการระบายข้าวแต่ก็ถือว่าเป็นความผิดตามที่อัยการได้ฟ้องและศาลมีคำพิพากษาตามบทลงโทษนั้นแล้วโดยการฟ้องอัยการไม่ได้แยกเหตุการณ์ฟ้องต่างกรรมกัน

ด้าน นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยต้องโทษจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญาตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีจำนำข้าว ที่ให้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ เอื้อให้การทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี กระทั่งรัฐได้รับความเสียหายเปิดเผยถึงการอุทธรณ์ ว่า หลังจากมีการอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 60 ที่ผ่านมาแล้ว จนถึงตอนนี้เมื่อทนายควาไม่ได้รับ การติดต่อจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงไม่ได้ยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ รวมทั้งไม่ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดีจำนำข้าวต่อศาลฎีกาแต่อย่างใด ซึ่งคดีดังกล่าวโดยครบกำหนดระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ 30 วัน เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมาแล้ว

ทั้งนี้ นายนรวิชญ์ ยังระบุได้ว่านับตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาฯ เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวครั้งแรกตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เขาก็ไม่ได้รับการติดต่อจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น