ส่งออก ส.ค.มูลค่า 21,223.8 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดในรอบ 6 ปี เพิ่มขึ้น 13.23% เพิ่มติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 และทำสถิติสูงสุดในรอบ 55 เดือน ส่วนยอดรวม 8 เดือน เพิ่ม 8.87% สูงสุดในรอบ 6 ปี “พาณิชย์” มั่นใจทั้งปีส่งออกโตตามเป้า 7%
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยเดือน ส.ค. 2560 มีมูลค่า 21,223.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมูลค่าสูงที่สุดในรอบ 6 ปี นับจากเดือน ส.ค. 2554 ที่ส่งออกได้มูลค่า 21,225.1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.23% เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 นับจากเดือน มี.ค. 2560 และขยายตัวสูงสุดในรอบ 55 เดือน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,133.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.93% โดยเกินดุลการค้ามูลค่า 2,090.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับการส่งออกในช่วง 8 เดือนของปี 2560 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 153,622.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.87% สูงสุดในรอบ 6 ปี และการนำเข้ามีมูลค่า 144,749.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.42% โดยเกินดุลการค้ามูลค่า 8,873.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ จากแนวโน้มการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้น กระทรวงฯ มั่นใจว่าการส่งออกปี 2560 จะขยายตัวได้ตามเป้าที่คาดไว้ที่ 7% โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้นับจากเดือน ส.ค.-ธ.ค. หากส่งออกได้เดือนละ 19,210 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็จะทำให้ส่งออกเป็นไปตามเป้า แต่เดือน ส.ค.ส่งออกได้แล้ว 21,223.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็มียอดตุนไว้ในมือเกินกว่าค่าเฉลี่ยแล้ว เดือนที่เหลือก็ไม่น่าจะมีปัญหา
สำหรับรายละเอียดของการส่งออก พบว่าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรเพิ่มขึ้น 24.7% มีสินค้าที่ส่งออกขยายตัวดี เช่น ข้าว เพิ่ม 47.1% ผักผลไม้สดแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 29.4% ยางพารา เพิ่ม 24.6% น้ำตาลทราย เพิ่ม 40% ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป เพิ่ม 15.3% อาหารทะเลแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 14.9% ส่วนมันสำปะหลังลดลง 5.3%
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 12.2% มีสินค้าสำคัญที่ขยายตัวดี เช่น ทองคำ เพิ่ม 138.9% ผลิตภัณฑ์ยาง เพิ่ม 50.5% เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 16.8% เม็ดพลาสติก เพิ่ม 23.8% เคมีภัณฑ์ เพิ่ม 30.3% แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่ม 2.6% ส่วนรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ลดลง 20.8% เครื่องปรับอากาศ ลด 15.1% เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ลด 3.8%
ทางด้านตลาดส่งออก ตลาดหลักเพิ่ม 7.5% โดยสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป เพิ่ม 7.4%, 11.7% และ 3.7% ตามลำดับ ตลาดศักยภาพสูง เพิ่ม 16.4% มาจากการเพิ่มขึ้นของตลาดจีน 25.5% CLMV 17.2% เอเชียใต้ 31.5% ไต้หวัน 26.4% เกาหลีใต้ 16.4% ฮ่องกง 9.2% และอาเซียน 5 ประเทศ 6.5% ส่วนตลาดศักยภาพรอง ลดลง 0.9% ตามการส่งออกไปทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกา ที่ลดลง 2.9%, 6.8% และ 8.7% ตามลำดับ
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญที่ขยายตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ขณะที่สินค้าเกษตรปริมาณการส่งออกก็ขยายตัวดีขึ้น ไม่ใช่เพิ่มขึ้นแค่มูลค่า ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมก็ขยายตัวได้ดี ยกเว้นยานยนต์ที่ลดลง เพราะตัวเลขปีก่อนมีปัญหาในเรื่องการลงตัวเลขของเดือนก่อนหน้าที่ลงไม่ทัน ทำให้ตัวเลขมาปูดในเดือน ส.ค. ฐานปีก่อนเลยสูง แต่จากนี้ไปจะไม่มีปัญหา และเครื่องปรับอากาศที่ส่งออกลดลง จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะมีการย้ายฐานการผลิตจากไทยออกไป
สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ที่ระดับ 33-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ สนค.มองว่าไม่มีผลกระทบต่อการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพราะได้มีการตกลงราคากันไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว และเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาคก็ไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบ เนื่องจากแข็งค่าทั้งภูมิภาค แต่ก็เป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป