ไทยสมายล์-ไทยไลอ้อนแอร์รับมอบ AOC ใหม่ ปลดล็อกมาตรฐาน เตรียมแผนเพิ่มโกยรายได้ครึ่งปีหลัง ลุยเพิ่มความถี่-เส้นทางบิน ไทยสมายล์วางเป้าปี 60 ทำยอดผู้โดยสารให้ได้ 90%
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ โดยมีนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และผู้บริหารสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ และสายการบินไทยสมายล์ เข้าร่วมประชุมสรุปผลและรับมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC) ทั้งนี้ถือว่าทั้ง 2 สายการบินนั้นได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตาม สายการบินก็ได้ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามขั้นดังกล่าว โดยเป็นเกณฑ์มาตรฐานใหม่ระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นความมุ่งมั่นของสายการบินในประเทศไทยที่ผ่านมาตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย
ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยยังคงดำเนินการในเรื่องของการออกใบรับรองการเดินอากาศฉบับใหม่ให้กับสายการบินที่ยังไม่ได้รับ โดยมีทั้งหมด 23 สายการบิน ซึ่งขณะนี้สามารถออกใบรับรองการเดินอากาศฉบับใหม่ไปแล้วทั้งหมด 8 สายการบิน โดยคิดเป็นร้อยละ 84 ของสายการบินที่ได้มีการยื่นกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศให้เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งในข้อกำหนดหากต้องการยื่นขอตรวจสอบซ้ำหรือ ICVM จะต้องผ่านได้อย่างน้อยร้อยละ75 ของจำนวนสายการบิน แต่ขณะนี้ถือว่าอยู่สูงกว่าที่กำหนด ส่วนจำนวนเที่ยวบินคิดเป็นร้อยละ 92 และจำนวนผู้โดยสารคิดเป็นร้อยละ 97 ทั้งนี้ ถือเป็นการให้ความมั่นใจความปลอดภัยด้านการบินของประเทศไทย
โดยนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท. เปิดเผยว่า สายการบินรายต่อไปที่จะเข้ารับ AOC ใหม่ คือ เอ็มเจ็ต และนิวเจน แอร์เวย์ส ซึ่งน่าจะได้รับมอบในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนความคืบหน้าการปลดล็อกธงแดงปัญหาการบินของไทยนั้น กพท.ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมาแล้ว แต่ ICAO ยังไม่ได้แจ้งกลับมาว่าจะเข้ามาตรวจประเมินเมื่อใด เพราะช่วงกรกฎาคม-สิงหาคมนี้เป็นช่วงวันหยุดประจำปีของประเทศโซนยุโรป
ด้านการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัย (USAP) ซึ่ง ICAO ได้เข้ามาตรวจสอบระหว่างวันที่ 11-21 กรกฎาคมนี้นั้น ICAO ได้ทำการตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัย 2 ท่าอากาศยาน คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ล่าสุดมีแนวโน้มที่ดี โดยอาจมีเรื่องที่ กพท.ต้องปรับปรุงบ้าง แต่เป็นกรณีเล็กน้อยไม่ใช่สาระสำคัญด้านความปลอดภัย ซึ่งช่วงเย็นวันนี้ (21 ก.ค.) ICAO จะแจ้งผลการตรวจประเมินเบื้องต้น จากนั้นอีก 15 วันจะแจ้งผลอย่างเป็นทางการ หาก กพท.มีข้อบกพร่องก็ต้องแก้ไขให้เสร็จภายใน 15 วันหลังได้รับแจ้ง ถ้าดำเนินการไม่เสร็จทางICAO จะทำหนังสือเวียนแจ้งไปยังประเทศสมาชิกให้รับทราบว่าท่าอากาศยานของไทยมีข้อบกพร่อง แต่จะไม่ประกาศบนเว็บไซต์ของ ICAO เพราะเหตุผลด้านความมั่นคง
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยสมายล์ เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าผลประกอบการปีนี้จะเริ่มทำกำไรหรือไม่ แต่พยายามที่จะทำอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน (cabin factor) ให้ได้ถึง 90% โดยปัจจุบันมีฝูงบิน 20 ลำ เป็นแบบแอร์บัส A 320 ทั้งหมด ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังนี้ตั้งเป้าเพิ่มเวลาการใช้เครื่องบินให้ได้มากขึ้นเป็น 10 ชั่วโมง (ชม.) ต่อลำต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 9.30 ชม.ต่อลำต่อวัน โดยไทยสมายล์จะเพิ่มความถี่เที่ยวบิน และเปิดเส้นทางบินเพิ่ม ซึ่งในส่วนการเพิ่มความถี่นั้น ล่าสุดได้ปรับเพิ่มในเส้นทางกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มมาตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2560 เพิ่มกรุงเทพฯ-เกาชุง (ไต้หวัน) เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560
นอกจากนี้ ไทยสมายล์ยังพิจารณาเพิ่มความถี่ในเส้นทางบินที่มีความต้องการสูง เช่น ประเทศจีน คือ กรุงเทพฯ-ฉงชิ่ง กรุงเทพฯ-ฉางชา และกรุงเทพฯ-เจิ้งโจว จาก 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ และมีแผนเพิ่มจุดบินในประเทศจีนอีก 2 จุดบินในเดือนธันวาคมนี้ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
ขณะเดียวกัน จะมีการเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางสู่ประเทศอินเดีย คือ กรุงเทพฯ-ไชยปุระ เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และกรุงเทพฯ-ลัคเนา จาก 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2560 โดยปีนี้พบว่า cabin factor เกือบเต็ม 100% ขณะเส้นทางบินในประเทศ โดยเฉพาะเชียงใหม่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโน้มที่ดีมาก
นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ระบุว่า สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ได้เน้นย้ำถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารและพนักงานอย่างสม่ำเสมอ และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ในการตรวจสอบและประเมินผลทุกขั้นตอนจนได้รับมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ตามมาตรฐาน ICAO โดยในวันนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันให้สายการบินราคาประหยัดได้เป็นอย่างดีและพร้อมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยสู่ระดับสากลของวงการการบินของประเทศไทย ทั้งนี้ สายการบินยินดีที่จะร่วมสนับสนุน และส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยอย่างเต็มที่เพื่อนำไปสู่การปลดธงแดงตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้