คณะมนตรี ICAO ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกพบ “อาคม” หนุนไทยเร่งแก้ธงแดงเดินหน้าเป็นฮับการบิน เจ้ากระทรวงระบุไทยเร่งขยาย 3 สนามบิน “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา” ปี 2030 รับผู้โดยสารได้ 220 ล้านคน/ปี ด้าน กพท.มั่นใจปิดจุดเสี่ยง พร้อมรับตรวจระบบรักษาความปลอดภัย USAP 11-21 ก.ค.นี้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมหารือร่วมกับคณะผู้แทนสมาชิกคณะมนตรี องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จากภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ว่า กระทรวงคมนาคม โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้สรุปภารกิจและความคืบหน้าในการแก้ปัญหาธงแดงในโครงการตรวจสอบกำกับดูแลความปลอดภัยการบินพลเรือน (USOAP) ของ ICAO ซึ่งไทยได้ดำเนินการปฏิรูปองค์กรออกเป็น 3 ส่วน คือ ตั้งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เป็นหน่วยงานกำกับดูแล และตั้งกรมท่าอากาศยานเป็นหน่วยงานด้านบริหารท่าอากาศยาน และตั้งหน่วยงานด้านค้นหาอากาศยานและหน่วยงานด้านสอบสวนอากาศยาน พร้อมกันนี้ยังปฏิรูปกฎหมายด้านการบินซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ขณะนี้สำนักงานกฤษฎีกาอยู่ระหว่างการตรวจแก้
ส่วนการแก้ข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) ตามมาตรฐานการบินสากล 33 ข้อนั้น ในการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (Re-AOC) ให้แก่สายการบินที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศจำนวน 23 สาย ขณะนี้ได้ออกให้กับ 6 สายการบินแล้ว และในสัปดาห์หน้าจะออก AOC ให้อีก 2 สายการบิน พร้อมกันนี้จะมีการตรวจติดตามเพื่อเฝ้าระวังสายการบินให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานตลอดเวลาอีกด้วย
นอกจากนี้ยังยืนยันถึงนโยบายของไทยในแผนพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน เป้าหมายเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งแผนพัฒนา 3 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิจะเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเป็น 120 ล้านคนต่อไปภายในปี 2030 สนามบินดอนเมืองเพิ่มขีดรองรับผู้โดยสารเป็น 40 ล้านคนต่อปีภายในปี 2025 และสนามบินอู่ตะเภาจะรองรับได้ 60 ล้านคนต่อปีภายใน 20 ปีข้างหน้า รวมขีดความสามารถทั้ง 3 สนามบินเป็น 220 ล้านคนต่อปีภายในปี 2030 และใช้รถไฟความเร็วสูงเชื่อมการเดินทางระหว่าง 3 สนามบิน
นายอาคมกล่าวว่า ในเดือน ธ.ค. 2560 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม Asia Pacific Aviation security ซึ่งมี 38 ประเทศเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม ICAO แนะนำให้ไทยแก้ปัญหา SSC และปลดธงแดงได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะปิดโอกาสในการฮับการบินในภูมิภาคของไทย
ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท.กล่าวถึงโครงการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัย (Universal Security Audit Programme : USAP) ซึ่ง ICAO จะเข้ามาตรวจสอบระหว่างวันที่ 11-21 ก.ค.นี้ว่า ได้เตรียมความพร้อมและติวเข้มทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว โดย ICAO จะตรวจด้านการกำกับดูแลที่ กพท.ก่อนระหว่างวันที่ 11-13 ก.ค. จากนั้นจะตรวจภาคสนามของสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้ ICAO ได้มีคำถามทั้งหมด 463 ข้อ ซึ่ง กพท.ได้เข้าไปตรวจและประเมินความเสี่ยงสนามบินทั้งสองแห่งก่อนแล้วเพื่อเร่งแก้ไขจุดเสี่ยงทั้งหมด
โดยหาก ICAO พบจุดบกพร่องที่มีนัยสำคัญด้านการรักษาความปลอดภัย (SSEC) จะแจ้งให้ทราบในวันที่ 21 ก.ค.นี้ โดยจะมีเวลาแก้ไข 30 วัน โดยจะยื่นแผนแก้ไขและระยะเวลาในการแก้ไขต่อ ICAO ได้ทันที และหากสามารถแก้ไขได้ทันจะไม่ถูกแจ้ง SSEC แต่หากแก้ไขข้อบกพร่องไม่ทัน หลักการของ ICAO จะไม่ประกาศหรือติดธงแดงเหมือนการตรวจสอบกำกับดูแลความปลอดภัยการบินพลเรือน (USOAP) แต่จะแจ้งข้อมูลที่ตรวจพบข้อบกพร่องไปยังประเทศอื่นๆ ในทางลับ อย่างไรก็ตาม กพท.มั่นใจว่าจะไม่ถูก SSEC แน่นอน