ไทยแอร์เอเชียเอ็มโอยู BAC และราชมงคลกรุงเทพฯ เปิดหลักสูตรระยะสั้น 1 ปี ผลิตช่างซ่อมเครื่องบินป้อน 100 คนภายใน 3 ปี รองรับฝูงบินเพิ่ม เผยรุ่นแรกรับ 26 คน ค่าเรียน 3 แสนบาท แต่การันตีเป็นพนักงานรับเงินเดือนระหว่างเรียนทันที อิงมาตรฐาน EASA พร้อมดันศูนย์ซ่อมอู่ตะเภาสนองนโยบายรัฐบาล
วันนี้ (3 ก.ค.) สายการบินไทยแอร์เอเชียได้ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชมงคลกรุงเทพ และโรงเรียนการบินกรุงเทพ (บริษัท บางกอกเอวิเอชั่นเซ็นเตอร์ จำกัด หรือ BAC) ในการจัดหลักสูตรการศึกษาเพื่อพัฒนาและผลิตช่างอากาศยาน หรือ Aircraft Mechanic สำหรับสายการบินไทยแอร์เอเชีย
โดยนายบัญญัติ หรรษกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม ไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ปัจจุบันสายการบินไทยแอร์เอเชียมีพนักงานซ่อมบำรุงอากาศยานรวม 321 คน แบ่งเป็น วิศวกรอากาศยาน 105 คน ช่างอากาศยาน 216 คน มีฝูงบิน แอร์บัส A320 จำนวน 54 ลำ ภายในสิ้นปีนี้จะรับมอบเพิ่มอีก 4 ลำ รวมเป็น 58 ลำ ตั้งเป้าความต้องการช่างซ่อมบำรุงเพิ่ม 100 คนภายใน 3 ปี
ซึ่งความร่วมมือนี้ หลักสูตรระยะ 1 ปี เพื่อผลิตช่างซ่อมบำรุงอากาศยานที่สอดคล้องกับการขยายตัวของบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดรับสมัคร แต่คุณสมบัติไม่ตรงและไม่เพียงพอต่อความต้องการที่มีเครื่องบินใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ และยังเป็นการสร้างมาตรฐานด้านซ่อมบำรุงในระยะยาวของบริษัทฯ อีกด้วย โดยผู้ที่เข้าเรียนในหลักสูตร จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานของบริษัทฯ ทันที จะได้รับเงินเดือนและสวัสดิการตามเกณฑ์ ซึ่งรุ่นแรกจะรับจำนวน 26 คน เปิดรับสมัครวันที่ 1-30 ก.ค. 60 เริ่มเรียน 16 ต.ค. 60-16 ต.ค. 61 โดยผู้สมัครจะต้องจบการศึกษา ปวส.ด้านเทคนิค คือปริญญาตรี ด้านวิศวกรรม ได้คะแนน TOEIC ไม่น้อยกว่า 400 คะแนน อายุไม่เกิน 35 ปี เพื่อคัดกรองบุคคลที่มีความสามารถที่สุดเพื่อมั่นใจการเข้าทำงานกับบริษัท และจะทยอยเปิดรับเพิ่มระหว่างปีต่อไป ค่าเรียนปีละ 3 แสนบาท
“เป็นแผนที่ต้องการเพิ่มการผลิตช่างซ่อมอากาศยานเพื่อรองรับการเติบโต และทดแทนช่างรุ่นเก่า ส่วนนักบินนั้น ปัจจุบันมี 800 คน ไม่มีปัญหาขาดแคลนเพราะมีการวางแผนการผลิตไว้ล่วงหน้า” นายบัญญัติกล่าว
นายสาธิต พุทธชัยยงค์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ กล่าวว่า ใน 20 ปีข้างหน้าประเมินว่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีเครื่องบินใหม่ไม่น้อยกว่า 1.2-1.3 หมื่นลำ มีความต้องการช่างซ่อมเครื่องบินปีละ 1 หมื่นคน หลักสูตรในการผลิตช่างซ่อมให้ไทยแอร์เอเชีย ระยะสั้น 1 ปี ผู้จบหลักสูตรจะได้รับประกาศนียบัตร โดยอิงมาตรฐาน EASA ขณะที่มหาวิทยาลัยฯ ได้รับการรับรองเป็นศูนย์ฝึกอบรมช่างอากาศยานตามมาตรฐาน EASA PART 147 ก่อนเปิดหลักสูตรฝึกอบรมช่างอากาศยานตามมาตรฐาน EASA PART 66 CAT B 1.1 ขึ้นเมื่อต้นปี 2559 แต่ก็ยังไม่สามารถผลิตช่างอากาศยานออกสู่ภาคอุตสาหกรรมได้เพียงพอต่อความต้องการในอุตสาหกรรม ซึ่งใช้เวลาเรียน 2 ปี จบแล้วได้ประกาศนียบัตร และทำงานอีก 2 ปีจะได้รับใบอนุญาตสามารถทำงานได้ทั่วโลก และภายใน 2-3 ปีนี้จะขยายหลักสูตรเพื่อเข้ามาตรฐาน FAA ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต สอดรับกับนโยบายพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภาของรัฐบาล
“มหาวิทยาลัยฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคการศึกษา และภาคอุตสาหกรรมได้เข้ามาร่วมกันจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาและผลิตช่างอากาศยานร่วมกับไทยแอร์เอเชีย และ บีเอซี เพราะประเทศไทยยังขาดบุคลากรด้านนี้อีกเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันประเทศที่มีศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาคนี้ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐสิงคโปร์ และสหพันธรัฐมาเลเซีย ซึ่งทั้งสามประเทศนี้ได้มีการพัฒนาบุคลากรด้านซ่อมบำรุงอากาศยานมาก่อนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินได้ให้ข้อมูลว่า เฉพาะภูมิภาคเอเชียยังคงมีความต้องการบุคลากรด้านการบิน การควบคุมจราจรทางอากาศ และรวมถึงฝ่ายช่างอากาศยานภาคพื้นกว่า 40,000 อัตรา ข้อมูลนี้ส่งสัญญาณว่าประเทศไทยจะต้องเร่งผลิตบุคลากรรองรับทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพโดยเร่งด่วนเช่นกัน”
นาวาอากาศโท ปิยะ ตรีกาลนนท์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร BAC กล่าวว่า ในฐานะโรงเรียนการบินเอกชนแห่งแรก ปัจจุบันผลิตบุคลากรการบินป้อนให้พันธมิตรอย่างไทยแอร์เอเชีย 80-100 คน/ปี นอกจากนี้ ยังผลิตให้การบินไทย, ไทยสมายล์อีกด้วย โดยความร่วมมือนี้จะเป็นหลักสูตรช่างอากาศยาน (Student Aircraft Mechanic) ระยะสั้นเรียน 1 ปี ฝึกช่างซ่อมสำหรับเครื่องบิน A320 โดยจะฝึกอบรมทักษะ (ทฤษฎี) ที่เทคโนโลยีราชมงคลฯ 6 เดือน ฝึกปฏิบัติที่ BAC 3 เดือน จากนั้นจะเรียนรู้การปฏิบัติงานจริง (ฝึกงาน) ที่ไทยแอร์เอเชีย (On The Job) 3 เดือน
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและยื่นใบสมัครได้แล้วผ่าน www.airasia.com/recruitment ตั้งแต่วันนี้-31 กรกฎาคม 2560 เพื่อผ่านขั้นตอนการคัดเลือก และเปิดภาคการศึกษาในวันที่ 16 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป