ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ พร้อมลุยประมูลโครงการรถไฟฟ้าเพิ่มเติมร่วมกับพันธมิตรเดิม ใจป้ำถือหุ้นเกินกว่า 10% ส่วนลาวจ่อขายไฟส่วนเกินจากโรงไฟฟ้าหงสาให้ไทยราว 100 เมกะวัตต์ บริษัทฯ ยันไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่รัฐจะเปิดประมูลในอนาคต โดยจะจับมือกับพันธมิตรเดิมคือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ รวมทั้งเป็นสายงานที่บริษัทมีความชำนาญด้านไฟฟ้าและการบริหารโครงการขนาดใหญ่ด้วย โดยจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่า 10%
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจเปิดกว้างการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ทั้งรถไฟฟ้าและน้ำประปา นอกเหนือจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้า โดยล่าสุดบริษัทมีการเจรจาที่เข้าไปลงทุนด้านธุรกิจน้ำประปาใน สปป.ลาว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดกับพันธมิตรท้องถิ่น
ส่วนกรณีที่รัฐบาลลาวจะขายไฟส่วนเกินจากโรงไฟฟ้าหงสาให้กับไทยนั้น นายสุทัศน์กล่าวว่า เนื่องจากลาวมีกำลังการผลิตไฟเกินความต้องการ จึงได้เจรจาขายไฟส่วนเกินจากโครงการโรงไฟฟ้าหงสาที่ราชบุรีฯ ถือหุ้นอยู่ 40% ประมาณ 100 เมกะวัตต์ให้กับไทย ทำให้ไทยได้ใช้ไฟราคาถูก และรัฐบาลลาวก็มีรายได้จากการขายไฟส่วนเกินด้วย โดยที่โรงไฟฟ้าหงสาและราชบุรีฯ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียจากกรณีดังกล่าว
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (บีทีเอสถือหุ้น 75% ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งฯ 15% และผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ 10%) ได้ร่วมลงนามในสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นเวลา 33 ปี 3 เดือน เงินลงทุนรวม 1 แสนล้านบาท โดยเป็นเงินทุน 2.8 หมื่นล้านบาท โดยเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือโมโนเรล สองสายแรกของประเทศ เป็นโครงการร่วมลงทุนในลักษณะ PPP Net Cost โดยภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสนับสนุนเงินลงทุนบางส่วน ขณะที่ภาคเอกชนผู้ลงทุนงานโยธา ค่างานระบบและขบวนรถไฟฟ้า บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โดยต้องรับความเสี่ยงในเรื่องผลประกอบการเอง