“อมรินทร์ฯ” เผยผลวิจัย “ที่สุดของแม่ไทย”

น.ส.ระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) แถลงผลวิจัย #ThaiMomsTopOfMind “ที่สุดของแม่ไทย” เจาะลึกทุกช่วงวัยลูก ทุ่มทุนทำผลวิจัยแบบเจาะลึกครอบคลุมทุกประเด็นที่เป็นที่สุดของคุณแม่และการเลี้ยงลูก จากคุณแม่ที่มีศักยภาพและกำลังการซื้อสูงทั่วประเทศกว่า 3,100 คน เพื่อแสดงศักยภาพของแบรนด์ในการเป็นสื่อกลางความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ครอบครัวยุคใหม่ พร้อมเผยวิสัยทัศน์และกลยุทธ์การรุกเดินหน้าพัฒนาสื่อทุกช่องทางในเครือข่ายตอกย้ำความเป็นที่ 1 ในตลาดและสร้างความเชื่อมั่นต่อเหล่าพันธมิตร เอเยนซี และลูกค้าแบรนด์ชั้นนำกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการแม่และลูก

น.ส.ระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ หัวเรือใหญ่เผยว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 12 ปี ของ Amarin Baby & Kids ถือได้ว่ามีการเติบโตอย่างแข็งแรง โดยเริ่มต้นจากการเป็นศูนย์กลางของแม่ไทย เพื่อเลี้ยงลูกให้ฉลาด ดี และมีสุข ตามเป้าหมายของแบรนด์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มคุณแม่เสมอมา จนในปัจจุบัน Amarin Baby & Kids ขึ้นเป็นเครือข่ายแม่ลูกอันดับ 1 ของประเทศ จากการเข้าถึงคุณแม่และสมาชิกครอบครัวถึง 21 ล้านคนต่อเดือน หรือ 73% ของแม่ไทยทั่วประเทศ ด้วยการเป็น OMNI Media เข้าถึงคุณแม่ไทยกลุ่มพรีเมี่ยมตัวจริงครบทุกช่องทาง ทั้งในรูปแบบของนิตยสารAmarin Baby & Kids ซึ่งปรับรูปโฉมและเนื้อหาใหม่ที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมเป็น Bookazine ราย 2 เดือน โดยมียอดพิมพ์กว่า 180,000 ฉบับ สำนักพิมพ์ Amarin Baby & Kids และ แพรวเพื่อนเด็ก หนังสือนิทานและสร้างพัฒนาการ เข้าถึงเด็กไทยกว่า 1,000,000 คน ห้องเรียนพ่อแม่ กิจกรรมเรียนรู้ เวิร์กชอปและแบ่งปันประสบการณ์การเลี้ยงดูลูกโดยร่วมกับพันธมิตรหรือหน่วยงานต่างๆ เว็บไซต์ AmarinBabyAndKids.com และสื่อโซเชียล Facebook มีการปรับเนื้อหาได้ตรงใจ รวดเร็ว ทันสถานการณ์ โดยมีการเติบโตในส่วนของออนไลน์อย่างต่อเนื่อง มียอด Reach คุณแม่กว่า 20,000,000 คนต่อเดือน ยอด PV 3,700,000 ต่อเดือน UIP 1,200,000 ต่อเดือน และมียอดผู้ติดตามทางเฟซบุ๊กถึง 750,000Likes และ Amarin Baby & Kids Fair การจัดงานแฟร์อย่างยิ่งใหญ่ถึง 11 ครั้งต่อปี รวมแล้วมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2,400,000 คนต่อปี โดยภาพรวมแล้วจะเห็นได้ว่าแบรนด์ของเรามีช่องทางการสื่อสารที่ครอบคลุมและครบวงจรเพื่อแม่ลูกที่สุดในขณะนี้”

“สำหรับในอีก 2 ปีข้างหน้า Amarin Baby & Kids ได้วางเป้าหมายในการจะขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ของงานแฟร์แม่ลูก ทั้งในด้านของจำนวนผู้เข้าชมงานและการเป็นงานแฟร์อันดับ 1 ในใจแม่ โดยเสริมทัพด้วยเทคโนโลยี GPS Tools เครื่องมือค้นหาและแนะนำการชอปปิ้งสินค้า สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการซื้อสินค้าในงานแฟร์ นอกจากนี้

ยังเตรียมพัฒนาต่อยอดจากงานแฟร์มาเป็น M- Commerce ด้วยการคัดสรรสินค้าขายดีติดอันดับมาให้ชอปปิ้งบนออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางสื่อที่คุณแม่นิยมมากในปัจจุบัน ทั้งนี้ ในส่วนออนไลน์ของ Amarin Baby & Kids จะมีการพัฒนาการมากยิ่งขึ้น โดยการ Feed เชิงลึกใน AmarinBabyandKids.com ด้วย Behavior Tracking การจับพฤติกรรมความสนใจของแม่แบบละเอียดผ่าน Programatics ตอบสนองทั้งการ Feed เนื้อหา และ Feed โฆษณาเข้าถึงตรงใจกลุ่มคุณแม่แบบตรงกลุ่มเป้าหมาย” น.ส.ระรินกล่าวเสริม

ด้าน น.ส.น้ำทิพย์ เงินแย้ม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและกลยุทธ์ ได้เผยถึงข้อมูลผลวิจัยส่วนหนึ่ง กล่าวเสริมในส่วนของพฤติกรรมของคุณแม่ว่า “จากผลการสำรวจพบว่า สุดยอดตัวช่วยของคุณแม่ที่มีอิทธิพลต่อการเลี้ยงลูกมากที่สุด ได้แก่ บุคคลในครอบครัวถึง 85% โดยผู้ที่เป็นตัวช่วยมากที่สุดคือญาติผู้ใหญ่ ซึ่งได้แก่ ปู่ย่า ตายาย รองลงมาคือ คุณหมอ ผู้เชี่ยวชาญ และสื่อที่น่าเชื่อถือ

นอกจากนี้ยังพบว่า ดารา เซเลบริตี ไม่มีอิทธิพลต่อการเลี้ยงลูกของแม่ไทยเหมือนอย่างเช่นเคย สำหรับสุดยอดสื่อที่มีอิทธิพลต่อการซื้อสินค้าของคุณแม่ พบว่า พฤติกรรมการรับสื่อของคุณแม่ได้มีการปรับเปลี่ยนไปตามสังคมปัจจุบัน โดยจะมีการเสพสื่ออย่างน้อย 2 สื่อขึ้นไป ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ 97% สื่อออนไลน์ 78% สื่อในร้านขายของและงานแฟร์เพื่อแม่ลูก 64% สื่อนิตยสาร พ็อคเก๊ตบุ๊คเพื่อแม่ลูก 33% ซึ่ง Amarin Baby & Kids ก็มีช่องทางการสื่อสารตามผลวิจัยดังกล่าวครอบคลุมทั้งหมดเช่นเดียวกัน

สำหรับสุดยอดกิจกรรมแม่ลูก จากผลการวิจัยพบว่า ในปัจจุบันคุณแม่จะมีเวลาอยู่กับลูกจำกัด ดังนั้น ในวันธรรมดากิจกรรมที่มีคุณค่าของคุณแม่ที่มีลูกวัย 0-3 ขวบได้ทำร่วมกันคือ การพูดคุย การเล่น และการอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง ส่วนคุณแม่ที่มีลูกวัย 3-6 ขวบ จะใช้เวลาดูทีวีหรือสื่อออนไลน์กับลูก ทำการบ้าน และเล่นกับลูก ส่วนในวันหยุด กิจกรรมที่มีคุณค่าของแม่ยุค 2017 นิยมใช้เวลากับลูกนอกบ้านมากที่สุด โดยคุณแม่ที่มีลูกวัย 0-3 ขวบ นิยมพาลูกเที่ยว และออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ส่วนคุณแม่ที่มีลูกวัย 3-6 ขวบ จะพาลูกไปช้อปปิ้ง และไปเที่ยวสวนสนุก นอกจากนี้ จากผลการวิจัยยังพบเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับกิจกรรมที่คุณแม่อยากทำกับลูกเพิ่มในอนาคต พบว่า กิจกรรมที่คุณแม่ลูกเล็ก 0-3 ขวบ และคุณแม่ลูกโต 3-6 ขวบ อยากส่งเสริมให้ลูกมากที่สุด อันดับ 1 คือ การเรียนเสริมพัฒนาการ และเสริมความสามารถพิเศษ อันดับ 2 คือ การพาลูกไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ และแหล่งเรียนรู้ ส่วนอันดับ 3 สำหรับคุณแม่ลูกเล็ก อยากอ่านหนังสือกับลูกเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก ส่วนคุณแม่ลูกโต อยากพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นการเปิดโลกกว้าง ให้ลูกได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตจากโลกภายนอก ปิดท้ายด้วย สุดยอดความสามารถพิเศษ 5 สุดยอดทักษะชีวิต พบว่า 85% คุณแม่ให้ความสำคัญด้านภาษา โดยอยากให้ลูกสามารถพูดได้อย่างน้อย 2 ภาษาขึ้นไป รองลงมาคือความสามารถด้านกีฬา และความกล้าแสดงออก ซึ่งความสามารถพิเศษด้านต่างๆ คือทักษะชีวิตที่สำคัญ ที่จะทำให้ลูกพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและอยู่ในสังคมปัจจุบันได้อย่างมีความสุข”

“โดยข้อมูลที่ได้จากผลวิจัยนี้ Amarin Baby & Kids ได้นำมาพัฒนาปรับรูปแบบและเนื้อหาของนิตยสารใหม่ ที่ตรงประเด็นทุกความต้องการของคุณแม่ รวมถึงเนื้อหาในสื่อออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางที่กำลังได้รับความนิยม อีกทั้งงานแฟร์ที่มีการเพิ่มรูปแบบกิจกรรมที่น่าสนใจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคุณแม่ และดึงดูดใจในการเข้าร่วมงานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนเตรียมพัฒนาเครื่องมือต่างๆ อีกมากมายจากผลวิจัยที่ได้ เพื่อนำมาทำให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดอีกด้วย” น.ส.น้ำทิพย์กล่าว

จากดังที่กล่าวมาจึงเชื่อมั่นได้ว่าแบรนด์ Amarin Baby & Kids ปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดและเป็นอันดับ 1 ของ Mom’s Community ที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศไทยอย่างแท้จริงและจะมีการพัฒนาต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด จากผลวิจัยแบบเจาะลึกที่จะนำมาพัฒนาต่อยอด และทีมบริหารมากประสบการณ์ อีกทั้งทีมแพทย์และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตอกย้ำการเป็นผู้รู้จักแม่ รู้ใจแม่ เพื่อเป็นสุดยอด “ตัวช่วยตัวจริงของคุณแม่” ในการเลี้ยงลูกให้ ฉลาด ดี และมีสุข เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณแม่ สมาชิกในครอบครัว และลูกค้าโฆษณาได้อย่างตรงใจและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด