xs
xsm
sm
md
lg

แม่เจ้าโว้ย! สื่อไทยฟีเวอร์ข่าว “อีเปรี้ยว” เสียเอง ระดมพลนักข่าว-ช่างภาพมากกว่าคดีระเบิดอุยกูร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - จับกระแสความดัง “อีเปรี้ยว แอนด์เดอะแก๊ง” ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อสื่อมวลชนไทยให้ความสนใจมากกว่าข่าวระเบิดศาลท้าวมหาพรหมเมื่อปี 58 ถึงขนาดมีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ 2 ช่องถ่ายทอดสด ขณะที่ตำรวจกลัวน้อยหน้าให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าคดีความมั่นคง “ขี่ ฮ.-ขึ้นเครื่องบิน” พร้อมอำนวยความสะดวกเสื้อผ้าหน้าผม เรียกว่าชิลกันเต็มที่

เห็นความอึกทึกครึกโครมคดี “อีเปรี้ยว แอนด์เดอะแก๊ง” ก็ให้คิดถึงคำพูดของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ที่แสดงความจริงจัง-อลังการงานสร้างถึงการตามล่าขบวนการลอบระเบิดไปป์บอมบ์หน้าห้องจ่ายยา รพ.พระมงกุฎเกล้า ว่าเป็นปฏิบัติการ “ขี่ช้างไล่จับช้าง” ขึ้นมาทันที

ปรากฏการณ์ของคดีฆ่าหั่นศพ “น้องแอ๋ม” น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย สาวคาราโอเกะร้านดังแห่งเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น โดยฝีมือของ “อีเปรี้ยว” น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย และสมัครพรรคพวกประกอบด้วย น.ส.อภิวินทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น เมื่อถูกเปิดเผยกลายเป็นคดีความในวันที่ 25 พ.ค.ทีผ่านมาดูเหมือนว่าจะค่อยๆ เขยิบกินพื้นที่ข่าวทั้งสื่อหลัก สื่อออนไลน์ สื่อสายดาร์ก หรือแม้แต่บรรดานักท่องอินเทอร์เน็ตต่างหันมาให้ความสนใจ นอกจากติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดชนิด “กัดติด” แล้วยังมี “คลิปลับ-คลิปลวง” แบบสุดเซ็กซี่ถึงอกถึงใจบรรดาเสือป่าแมวเซาทั้งหลายจนกลายเป็นข่าวดังที่มีผู้คนพูดถึงกันแทบทุกครัวเรือน

ทุกการเคลื่อนไหวของตำรวจ ประวัติความเป็นมาของ “อีเปรี้ยว แอนด์เดอะแก๊ง” ถูกตีแผ่อย่างละเอียดยิบ ไม่ว่าจะเป็นประวัติส่วนตัวที่เป็นเด็กบ้านแตก จนเป็นประตูสู่เด็กใจแตกมีสามีตั้งครรภ์ทั้งที่ยังไม่สู่วัยสาวด้วยซ้ำ จากข่าวอาชญากรรมธรรมดาเป็นการลงมือฆ่าแบบหบายๆ ไม่มีแผนลึกลับอะไรมากนัก เพียงแค่อาศัยความห่าม ความกล้า และความสวย แทบไม่น่าเชื่อว่าข่าว “อีเปรี้ยว” ทำท่าจะโด่งดังได้รับความสนใจจากคนไทยและสื่อไทยมากกว่าเหตุระเบิดศาลท่านท้าวมหาพรหม เมื่อปี 2558 เสียอีก...ขนาดนั้นจริงๆหรือ..ถ้าไม่เชื่อให้ติดตามกันไปเรื่อยๆ แล้วท่านจะตบเข่าฉาดใหญ่...มันเป็นไปได้ยังไง!?

กว่า 1 สัปดาห์แม้การทำงานของตำรวจจะไม่ใช่ปฏิบัติการ “ขี่ช้างไล่จับช้าง” แต่น่าจะออกแนว “ขี่ช้าง 1 ฝูง” เพื่อไล่จับ “อีเปรี้ยว” กับสมัครพรรคพวก ลองไล่ดูจะพบว่าหน่วยงานที่มีบทบาทและทุ่มสรรพกำลังมากที่สุดก็คือ 1. กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 โดยสืบจังหวัดขอนแก่น และสืบภาค 4 คาดว่ามีการระดมเจ้าหน้าที่เพื่อการนี้กว่า 30 นายจึงมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ตั้งแต่ค่ากินค่าอยู่ ค่ารถ ค่าเครื่องบิน ค่าสายข่าวและอีกสารพัด 2. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเล่นเรื่องนี้กันตั้งแต่ระดับบน คือ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม ฝ่ายสืบสวน และ ตม.เชียงราย โดยเฉพาะ “ขาเก๋า” ทั้งหลายที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับทหารพม่า และชนกลุ่มน้อย

ระหว่างการไล่ล่าซึ่งมีทั้งจุดไคลแม็กซ์ทำท่าจะได้ตัวไม่ได้ตัวกว่า 1 สัปดาห์ของข่าวอีเปรี้ยว มิได้สร้างความเบื่อหน่ายแก่ผู้สนใจเลย มีเพียงส่วนน้อยที่เริ่มอึดอัด เริ่มมองว่าสื่อจะให้ความสำคัญกับข่าวนี้อย่างเกินของเขตไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงหลายสำนักโดยเฉพาะสื่อหลักต่างส่งนักข่าวจากส่วนกลาง รวมทั้งสื่อท้องถิ่นให้เฝ้าติดตามอย่างเกาะติด กระทั่งเวลา 21.00 น.เศษของคืนวันที่ 3 มิ.ย. 2560 จู่ๆ ปรากฏภาพแรกของอีเปรี้ยวแอนด์เดอะแก๊ง นั่งยองๆ อยู่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย จ.เชียงราย โดยมีเจ้าหน้าที่ยืนล้อมเป็นแบ็กกราวนด์อยู่ด้านหลังพร้อมกับข้อความยืนยันว่ามีการจับกุมอีเปรี้ยวกับพรรคพวกได้แล้ว...เท่านั้นเอง สำนักสื่อต่างๆ ถึงกับผละงานอื่นทั้งหมดต่างช่วยกันเช็กข่าว หาข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่นเพื่อชิงขึ้นจอนำเสนอ

ทุกสำนักสื่อรายงานกันอย่างพร้อมหน้า และตลอดทั้งคืน ด้วยอิริยาบถต่างๆ ของอีเปรี้ยว อย่างละเอียดยิบเช่นภาพนั่งหมดอาลัยตายอยาก จนถึงนั่งสูบบุหรี่ กินขนาดจนถูกกระแสสื่อโซเชียลฯ ถล่มไม่ยั้ง ต่อมายังมีภาพนอนหลับ ภาพมาสก์หน้าถ่ายคู่กับเจ้าหน้าที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ปิดท้ายด้วยภาพการนอนหลับพักผ่อน และมาเริ่มรายงานอีกครั้งช่วงการรับตัวจาก อ.แม่สาย เพื่อมาสอบสวนยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติในกรุงเทพมหานคร มีกำหนดการเดินทางคร่าวๆ คือใช้เฮลิคอปเตอร์กองบินตำรวจ ไปรับที่ อ.แม่สาย จากนั้นเดินทางไปยังสนามบินเชียงราย ซึ่งมีเครื่องฟอกเกอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รออยู่และเมื่อผู้ต้องหามาถึงจึงบินต่อมายัง บน.6 กองทัพอากาศ มีขบวนรถเจ้าหน้าที่รอรับและไปส่งมอบให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ทำการสอบสวนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกครั้งหนึ่ง

แน่นอนว่าข่าวใหญ่ถูกใจชาวบ้านระดับนี้แม่จะเป็นวันหยุดแต่กองทัพสื่อทุกสำนัก ไม่ว่าขนาดเล็ก กลาง หรือยักษ์ใหญ่ต่างระดมสรรพกำลังกันอย่างเต็มที่ บรรยากาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติเริ่มคึกคักตั้งแต่เวลา 10.00 น. มีนักข่าวทยอยไปจับจองหาที่จอดรถจนบรรยากาศแทบไม่ต่างจากวันราชการปกติซึ่งลานจอดรถด้านหน้าอาคาร 1 หรือตึกใหญ่จะแน่นขนัดไม่สามารถหาที่จอดได้ง่ายๆ สื่อโทรทัศน์ทั้งไทยรัฐทีวี และช่อง 3 ให้ความสำคัญขนาดนำรถโอบีมาจอดด้านหลังตึกเพื่อทำการถ่ายทอดสด เหยี่ยวข่าว กระจิบกระจอกข่าวหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันช่างเป็นอะไรที่คึกคักเกินความคาดหมายจริงๆ อาจจะพูดได้ว่าเป็นข่าวที่ทุกสำนักให้ความสำคัญจนมีจำนวนผู้สื่อข่าว ช่างภาพประมาณว่ากว่า 200 ชีวิตขึ้นไป...มากกว่าครึ่งหนึ่งของคราวที่เกิดเหตุระเบิดศาลท่านท้าวมหาพรหมเมื่อปี 2558 เสียอีก!?


กำลังโหลดความคิดเห็น