“หมอประกิต” ย้ำ “บุหรี่ไฟฟ้า” มีสารก่อมะเร็งหลายชนิด ไม่ได้มีแค่ไอน้ำกับนิโคตินอย่างที่เข้าใจ ซ้ำร้ายอนุภาคไอระเหยมีขนาดเล็กกว่าบุหรี่ธรรมดา ส่งผลสูดเข้าปอดได้ลึกกว่า กำจัดออกยากกว่า ผลวิจัยชี้ชัดเสี่ยงเกิดโรคปอดและหัวใจเรื้อรังพอๆ กับบุหรี่ธรรมดา
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายฝ่ายที่เข้าใจว่า ควันบุหรี่ไฟฟ้ามีแต่ไอน้ำกับนิโคติน ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และวัยรุ่นนิยมสูบ เพราะว่ามีควันเยอะดี จึงขอชี้แจงว่า ความเข้าใจตามที่ผู้ขายกล่าวอ้างไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยควันไอน้ำจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า และที่ผู้สูบพ่นออกมาจำนวนมากนั้น นอกจากไอน้ำและนิโคตินแล้ว ยังมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกมากมาย จากการตรวจสอบของกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่า ยังมีสารอื่นๆ อีกมาก เช่น สารโพรพิลีน ไกลคอล เมนทอล ไซโคลเฮกซานอล ไตรอะซิติน อนุพันธ์เบนซีน ตะกั่ว และสารก่อมะเร็ง เช่น โครเมียม สารหนู และแคดเมียม
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ทั้งนี้ การวิจัยพบว่า ไอระเหยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า มีขนาดอนุภาคที่เล็กมากกว่าอนุภาคในควันบุหรี่ธรรมดา ทำให้มีลักษณะเป็นควันละเอียดที่ถูกสูดเข้าสู่ปอดได้ลึกมาก อนุภาคที่เล็กมากนี้ส่วนหนึ่งจะจับกับเนื้อเยื่อปอดไม่สามารถที่จะถูกขับออกมาจากปอดได้ และส่วนหนึ่งจะถูกดูดซึมสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว โดยแม้ว่าสารก่อมะเร็งที่พบในไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าจะมีน้อยชนิดกว่าในควันบุหรี่ธรรมดา และเป็นไปได้ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งน้อยกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดา
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า มีรายงานการวิจัยในหนูที่ให้หายใจเอาไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้าวันละหนึ่งชั่วโมง สัปดาห์ละห้าวันเป็นเวลาสี่เดือน พบว่า เยื่อบุหลอดลมและถุงลมปอด มีการหลั่งสารเคมีที่บ่งถึงการได้รับความระคายเคืองของเนื้อเยื่อ และมีการทำลายของเนื้อเยื่อปอด ซึ่งเหมือนกับการเปลี่ยนแปลงระยะแรกของโรคถุงลมโป่งพองในหนูที่ได้รับควันบุหรี่ธรรมดา นอกจากนี้ ยังมีรายงานการวิจัยที่แสดงถึงอันตรายของการสูดควันบุหรี่ไฟฟ้าที่มีต่อเซลล์เยื่อบุหลอดเลือด โดยภายหลังการสูดควันไอน้ำบุหรี่ไฟฟ้าเพียงสิบครั้ง จะสามารถตรวจพบเซลล์เยื่อบุหลอดเลือด ที่ตายและหลุดลอยอยู่ในกระแสเลือดจำนวนมาก เช่นเดียวกับการตรวจพบในเลือดคนที่สูบบุหรี่ธรรมดา การวัดความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ก็พบว่า ลดลงหลังการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว
“การเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อปอดและเซลล์บุหลอดเลือดที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่เหมือนกับการตรวจพบในการสูบบุหรี่ธรรมดา ต้องมีการศึกษาติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่งจะแพร่หลายเป็นเวลาไม่ถึงสิบปีมานี้เอง ผมอยากขอให้ทุกฝ่ายอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัย และโดยเฉพาะขอเรียกร้องให้เยาวชนอย่าใช้ตัวเองเป็นเครื่องทดลองอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า โดยอย่าไปสูบบุหรี่ไฟฟ้า เพราะหากเกิดการเสพติดนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว จะเลิกสูบยากเช่นเดียวกับการเสพติดบุหรี่ธรรมดา” ศ.นพ.ประกิต กล่าว