พนักงาน ปตท.ระส่ำ! หลังบอร์ดไฟเขียวปรับโครงสร้างธุรกิจแยกน้ำมันและค้าปลีกออกมาเป็นบริษัทเอกชน เผยยังไม่ตัดสินใจว่าจะยังอยู่ ปตท. หรือย้ายไปอยู่บริษัทใหม่ รอแพกเกจที่จะเสนอก่อน ด้านซัสโก้เชื่อค่าการตลาดน้ำมันจะนิ่งในอัตราที่สูงหลัง ปตท.แยกธุรกิจน้ำมัน
ตามที่คณะกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยโอนกิจการของหน่วยธุรกิจน้ำมัน รวมถึงสินทรัพย์และหนี้สินของหน่วยธุรกิจดังกล่าว ตลอดจนหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องให้แก่ บริษัท ปตท.ธุรกิจค้าปลีก จำกัด และการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) เพื่อดำเนินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก ก่อนที่จะนำหุ้นสามัญ PTTOR เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย ปตท.จะถือหุ้นในบริษัทนี้ไม่เกิน 50% เพื่อไม่ให้บริษัทใหม่นี้มีสภาพเป็นรัฐวิสาหกิจ
จากมติดังกล่าวทำให้พนักงาน ปตท.ที่สังกัดในหน่วยงานธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก 1.5 พันคน ต่างกังวลเกี่ยวกับอนาคตว่าควรจะตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ในบริษัทใหม่ หรือจะยังอยู่ใน ปตท.ต่อไป เพราะถ้ายังเลือกอยู่ ปตท.ก็จะถูกโอนย้ายไปช่วยงานในบริษัทใหม่ หลังจากนั้น 3 ปีก็ต้องถูกโอนกลับมายัง ปตท.เมื่อถึงเวลานั้นจะมีตำแหน่งรองรับอยู่หรือไม่ ดังนั้นคงต้องรอแพกเกจที่ ปตท.จะเสนอให้พนักงานดังกล่าวว่าดึงดูดหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อแยกธุรกิจน้ำมันออกเป็นบริษัทเอกชนแล้วก็คงต้องมีการบริหารงานเพื่อสร้างผลกำไรเติบโตขึ้น ดังนั้น แนวทางการทำงานจะเปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าเบื้องต้นการแยกธุรกิจน้ำมันออกจาก ปตท.เพื่อสร้างความโปร่งใส และเพิ่มความคล่องตัวในการขยายงานทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ ทาง ปตท.จะเสนอเรื่องการแยกธุรกิจน้ำมันไปยังกระทรวงเพื่อขออนุมัติก่อนที่จะชงเรื่องไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและที่ประชุมผู้ถือหุ้น ปตท.ก่อน
ด้านนายชัยฤทธ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแข่งขันธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะรุนแรงเหมือนเดิม เนื่องจาก ปตท.มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ประมาณ 40% ถึงแม้ว่าจะแยกออกมาเป็นบริษัทเอกชนแต่ยังคงอยู่ภายใต้ปีก ปตท.ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกของ ปตท.แยกเป็นเอกชนจำเป็นต้องบริหารจัดการให้มีผลกำไรจากเดิมที่อาจจะมีการขาดทุนบ้าง แต่มีรายได้จากธุรกิจอื่นมาเสริมทำให้ค่าการตลาดน้ำมันสูงขึ้น ถือเป็นข้อดีแก่ผู้ประกอบการน้ำมันรายอื่น
ส่วนซัสโก้เน้นปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นรวมขยายธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันมากขึ้นเพื่อเพิ่มยอดขาย รวมทั้งบริษัทฯ มีแผนจะยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 ในปั๊มซัสโก้ทั่วประเทศในไตรมาส 1/2560 นับเป็นปั๊มน้ำมันรายแรกที่ยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 โดยใช้หัวจ่ายแก๊สโซฮอล์ 91 เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 แทน