กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานไทยเรยอน หลังนายกฯ เร่งให้ดำเนินการจากชาวบ้านขึ้นป้ายประท้วง “โรงงานไทยเรยอน” จ.อ่างทองส่งกลิ่นเหม็น ผงะ! เจอกำมะถันรั่วหลายจุด สั่งให้ปรับปรุงภายใน 45 วัน และกำหนดให้ทำรายงานแก้ไขระยะสั้นใน 2 สัปดาห์
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีชาวบ้าน ต.จำปาหล่อ จ.อ่างทอง ขึ้นป้ายไม่พอใจภาครัฐเพราะได้รับความเดือดร้อนเรื่องกลิ่นเหม็นซึ่งมาจากโรงงานในพื้นที่มานาน ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีบัญชาให้กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปจัดการให้เรียบร้อยโดยด่วน ทันทีที่รับทราบจึงได้มอบหมายให้ นายสุรพล ชามาตย์ รักษาการผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และแก้ปัญหาให้ชาวบ้านอย่างเร่งด่วน โดยทำงานร่วมกับส่วนราชการในจังหวัดอ่างทองเพื่อให้ประชาชนพอใจให้ได้
“โรงงานที่ชาวบ้านร้องเรียนคือโรงงานของบริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่เลขที่ 36 หมู่ 2 ถ.อยุธยา-อ่างทอง ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง ประกอบกิจการผลิตเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งชาวบ้านร้องเรียนเรื่องกลิ่นเหม็นรบกวนบ่อยครั้ง โดยเฉพาะกลิ่นคล้ายกำมะถันอันเกิดจากกระบวนการผลิตของโรงงาน โดยกระทรวงฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประชุมเพื่อแก้ปัญหา รวมทั้งสร้างความเข้าใจจนชาวบ้านที่ได้รับเดือดร้อนพอใจ และปลดป้ายดังกล่าวออกไปเอง” นายสมชายกล่าว
นอกจากนี้ ภาครัฐและผู้แทนชาวบ้านที่เดือดร้อนยังได้ร่วมกันเข้าไปตรวจโรงงาน โดยได้รับรายงานจากท่านผู้ตรวจฯ สุรพล ที่อยู่ในพื้นที่ว่า ในกระบวนการผลิตกรดซัลฟูลิก (กรดกำมะถัน) ของโรงงาน พบมีการรั่วซึมของไอกำมะถันเหลวของท่อทางกระบวนการผลิตและจากบ่อกำมะถันเหลวเป็นจำนวนหลายจุด ซึ่งบ้านของผู้ร้องเรียนอยู่ห่างจากบริเวณจุดรั่วไหลประมาณ 800 เมตร โดยอยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้ อุตสาหกรรมจังหวัดอ่างทองจะมีหนังสือสั่งการตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 ให้ปรับปรุงแก้ไขจุดรั่วไหลให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน” นายสมชายกล่าว
สำหรับการประชุมดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้แทนบริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายสุรพล ชามาตย์) ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง (นายวีระวุทธ์ ปุตระเศรณี) รอง ผอ.กรมน. (พันเอก ณัฐพงศ์ วานิกร) ที่เป็นหน่วยงานทหารในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่งอาศัยอยู่หมู่ที่ 2 และ 3 ต.จำปาหล่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง เข้าประชุมและได้ข้อสรุปดังนี้ 1) ตั้งคณะทำงานเบญจภาคี 5 กลุ่มขึ้น ได้แก่ ประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ ท้องถิ่น สื่อมวลชน และโรงงาน ร่วมทำงานแบบบูรณาการเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งและแก้ปัญหา 2) ให้โรงงานจัดทำแผนระยะสั้นให้แล้วเสร็จเสนอคณะทำงานชุดนี้ภายใน 2 อาทิตย์ และทำแผนระยะยาวเพื่อป้องกันปัญหา และ 3) ชี้แจงทำความเข้าใจจนประชาชนพึงพอใจและยอมปลดป้ายออก ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะติดตามแผนแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นกำมะถันเพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างแท้จริง
ส่วนป้ายประท้วงรัฐเกิดขึ้นจากนักข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่งในพื้นที่ทำขึ้นมาติดหน้าร้านค้าของชุมชน และได้เสนอข่าวออกไป เพื่อแสดงเจตนาให้ชาวบ้านเห็นว่าตนเองไม่ได้มีส่วนได้เสียรับเงินจากโรงงาน ซึ่งในปี 2559 บริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) ถูกชาวบ้านร้องเรียนจากปัญหากลิ่นเหม็นรบกวนจำนวน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 59 พบปัญหาบ่อรวมน้ำเสียก่อนเข้าระบบมีช่องเปิดอยู่ทำให้มีกลิ่นเหม็นเล็ดลอดออกไปจึงสั่งให้แก้ไขปรับปรุง และวันที่ 27 เม.ย. 59 พบกลิ่นเหม็นในช่วงเวลากลางคืน โดยโรงงานมีมาตรการป้องกันกลิ่นเหม็น และ กรอ.ได้ติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศเพื่อตรวจสอบ ซึ่ง กรอ.จะติดตามผลตรวจโรงงาน และผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ผ่านมา ใช้เป็นข้อมูลประกอบเพื่อการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต่อไป
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีชาวบ้าน ต.จำปาหล่อ จ.อ่างทอง ขึ้นป้ายไม่พอใจภาครัฐเพราะได้รับความเดือดร้อนเรื่องกลิ่นเหม็นซึ่งมาจากโรงงานในพื้นที่มานาน ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีบัญชาให้กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปจัดการให้เรียบร้อยโดยด่วน ทันทีที่รับทราบจึงได้มอบหมายให้ นายสุรพล ชามาตย์ รักษาการผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และแก้ปัญหาให้ชาวบ้านอย่างเร่งด่วน โดยทำงานร่วมกับส่วนราชการในจังหวัดอ่างทองเพื่อให้ประชาชนพอใจให้ได้
“โรงงานที่ชาวบ้านร้องเรียนคือโรงงานของบริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่เลขที่ 36 หมู่ 2 ถ.อยุธยา-อ่างทอง ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง ประกอบกิจการผลิตเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งชาวบ้านร้องเรียนเรื่องกลิ่นเหม็นรบกวนบ่อยครั้ง โดยเฉพาะกลิ่นคล้ายกำมะถันอันเกิดจากกระบวนการผลิตของโรงงาน โดยกระทรวงฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประชุมเพื่อแก้ปัญหา รวมทั้งสร้างความเข้าใจจนชาวบ้านที่ได้รับเดือดร้อนพอใจ และปลดป้ายดังกล่าวออกไปเอง” นายสมชายกล่าว
นอกจากนี้ ภาครัฐและผู้แทนชาวบ้านที่เดือดร้อนยังได้ร่วมกันเข้าไปตรวจโรงงาน โดยได้รับรายงานจากท่านผู้ตรวจฯ สุรพล ที่อยู่ในพื้นที่ว่า ในกระบวนการผลิตกรดซัลฟูลิก (กรดกำมะถัน) ของโรงงาน พบมีการรั่วซึมของไอกำมะถันเหลวของท่อทางกระบวนการผลิตและจากบ่อกำมะถันเหลวเป็นจำนวนหลายจุด ซึ่งบ้านของผู้ร้องเรียนอยู่ห่างจากบริเวณจุดรั่วไหลประมาณ 800 เมตร โดยอยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้ อุตสาหกรรมจังหวัดอ่างทองจะมีหนังสือสั่งการตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 ให้ปรับปรุงแก้ไขจุดรั่วไหลให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน” นายสมชายกล่าว
สำหรับการประชุมดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้แทนบริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายสุรพล ชามาตย์) ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง (นายวีระวุทธ์ ปุตระเศรณี) รอง ผอ.กรมน. (พันเอก ณัฐพงศ์ วานิกร) ที่เป็นหน่วยงานทหารในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่งอาศัยอยู่หมู่ที่ 2 และ 3 ต.จำปาหล่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง เข้าประชุมและได้ข้อสรุปดังนี้ 1) ตั้งคณะทำงานเบญจภาคี 5 กลุ่มขึ้น ได้แก่ ประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ ท้องถิ่น สื่อมวลชน และโรงงาน ร่วมทำงานแบบบูรณาการเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งและแก้ปัญหา 2) ให้โรงงานจัดทำแผนระยะสั้นให้แล้วเสร็จเสนอคณะทำงานชุดนี้ภายใน 2 อาทิตย์ และทำแผนระยะยาวเพื่อป้องกันปัญหา และ 3) ชี้แจงทำความเข้าใจจนประชาชนพึงพอใจและยอมปลดป้ายออก ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะติดตามแผนแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นกำมะถันเพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างแท้จริง
ส่วนป้ายประท้วงรัฐเกิดขึ้นจากนักข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่งในพื้นที่ทำขึ้นมาติดหน้าร้านค้าของชุมชน และได้เสนอข่าวออกไป เพื่อแสดงเจตนาให้ชาวบ้านเห็นว่าตนเองไม่ได้มีส่วนได้เสียรับเงินจากโรงงาน ซึ่งในปี 2559 บริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) ถูกชาวบ้านร้องเรียนจากปัญหากลิ่นเหม็นรบกวนจำนวน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 59 พบปัญหาบ่อรวมน้ำเสียก่อนเข้าระบบมีช่องเปิดอยู่ทำให้มีกลิ่นเหม็นเล็ดลอดออกไปจึงสั่งให้แก้ไขปรับปรุง และวันที่ 27 เม.ย. 59 พบกลิ่นเหม็นในช่วงเวลากลางคืน โดยโรงงานมีมาตรการป้องกันกลิ่นเหม็น และ กรอ.ได้ติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศเพื่อตรวจสอบ ซึ่ง กรอ.จะติดตามผลตรวจโรงงาน และผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ผ่านมา ใช้เป็นข้อมูลประกอบเพื่อการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต่อไป
