ตรัง - กลุ่มแม่บ้านชุมชนบ้านพรุจูด จ.ตรัง ผลิตไข่เค็มจากโคลนน้ำพุร้อนเป็นแห่งแรกของประเทศไทย กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากไม่มีค่ากำมะถัน และสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
วันนี้ (15 พ.ย.) กลุ่มแม่บ้านชุมชนบ้านพรุจูด หมู่ที่ 2 ต.บ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง ประมาณ 20 คน ได้รับการฝึกสอนวิธีการผลิตไข่เค็มจากโคลนน้ำพุร้อน เป็นแห่งแรกของประเทศไทย จากอาจารย์สาขาอุตสาหกรรมประมงและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง เพื่อนำไปจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งใน ต.บ่อหิน ต.ไม้ฝาด และตำบลอื่นๆ ใน อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมปีละไม่ต่ำกว่า 200,000 คน รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างรายได้เสริมให้แก่กลุ่มแม่บ้านดังกล่าวด้วย
สำหรับโคลนน้ำพุร้อนดังกล่าว ได้มาจากบ่อน้ำพุร้อนในพื้นที่ที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวใน ต.บ่อหิน และผ่านการรับรองจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดตรัง แล้วว่า เป็นโคลนที่ไม่มีค่ากำมะถัน และสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ รวมทั้งยังมีความร้อน และความเค็มที่เหมาะสม จึงสามารถใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตไข่เค็ม เพื่อนำออกมาจำหน่ายได้เป็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคมนี้ ในราคาฟองละ 10 บาท ซึ่งแม้อาจจะมีราคาสูงกว่าไข่เค็มทั่วไป ซึ่งจำหน่ายฟองละ 6-8 บาท แต่เนื่องจากมีคุณภาพที่ดีกว่า ทางกลุ่มจึงเตรียมผลักดันจากสินค้าชุมชนให้เป็นสินค้าด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างเม็ดเงินให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ต่อไป
ทั้งนี้ กลุ่มแม่บ้านชุมชนบ้านพรุจูด ได้ทดลองผลิตไข่เค็มจากโคลนน้ำพุร้อนมาแล้วหลายครั้ง และได้ซื้อไข่เป็ดมาจากเกษตรกรใน จ.ตรัง ราคาฟองละ 4 บาท ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จก็ใช้ระยะเวลานานพอสมควร จนได้ไข่เค็มที่มีรสชาติเค็มนิดๆ มัน และหอมนุ่มน่ารับประทาน ส่วนขั้นตอนการผลิตไข่เค็มสูตรนี้ก็เหมือนกับไข่เค็มอื่นทั่วไป คือ มีส่วนผสมของเกลือเล็กน้อย โดยนำแกลบเผา และโคลนน้ำพุร้อนมาตำละเอียดก่อนคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน จากนั้นจึงหมักทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน ก็สามารถนำมาทอดเป็นไข่ดาว แต่หากหมักทิ้งไว้อีก 15-20 วัน ก็จะได้ไข่เค็มที่สามารถนำไปรับประทานกับข้าวต้ม หรือนำมาประกอบอาหารตามเมนูต่างๆ ที่เอร็ดอร่อย ซึ่งหลังจากทดลองเปิดตลาดปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก
นายบรรจง นฤพรเมธี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านพรุจูด ต.บ่อหิน อ.สิเกา และนายกสมาคมการท่องเที่ยวและโรงแรมจังหวัดตรัง กล่าวว่า ทางหน่วยงานต้องการส่งเสริมให้ไข่เค็มกลุ่มนี้ ยกระดับจากสินค้าชุมชนเป็นสินค้าเพื่อการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้าน ที่สำคัญก็คือ โคลนน้ำพุร้อนบ้านพรุจูด ได้รับการรับรองแล้วว่าไม่มีคุณสมบัติที่เป็นอันตรายใดๆ แต่กลับมีสารอาหารหลายชนิดผสมอยู่ และเหมาะสำหรับการนำมาเป็นส่วนผสมในการเพิ่มมูลค่าของสินค้าหลายชนิดด้วยกัน