ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์คาดเทรดซื้อขายหุ้นกลาง พ.ย.นี้ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนใข้คืนหนี้บริษัทแม่และลงทุนเพิ่มในโรงไฟฟ้าขยะและถ่านหินอีก 3 โรงเพื่อให้ได้กำลังการผลิตรวม 440 เมกะวัตต์ในปี 60 ดันรายได้ปีหน้าโตก้าวกระโดด และวางงบลงทุน 1.2-1.4 หมื่นล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจ แย้มสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนใน CLMV
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (TPIPP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้ โดยจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 2.5 พันล้านหุ้น คิดเป็น 29.8% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนนี้จะใช้คืนหนี้บริษัทแม่ คือ บมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) ประมาณ 4 พันล้านบาท และที่เหลือจะใช้ในการขยายการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าเพิ่ม เพื่อให้ได้กำลังการผลิตรวม 440 เมกะวัตต์ในปี 2560 จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ 150 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางงบลงทุนช่วงนี้ถึงปี 2560 จะใช้เงิน 1.2-1.4 หมื่นล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจไฟฟ้า รวมทั้งหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนในไทยและประเทศเพื่อนบ้านในแถบ CLMV โดยเน้นโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงจากขยะ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังลม คาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปี 2560
นายประชัยกล่าวต่อไปว่า จากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าอีก 3 โรง คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้น 290 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะ 70 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าถ่านหินและเชื้อเพลิงจากขยะ 70 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าถ่านหิน 150 เมกะวัตต์ คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในปี 2560 ซึ่งรวมกับโรงไฟฟ้าในปัจจุบันจะมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 440 เมกะวัตต์
สำหรับผลการดำเนินงานในปีหน้า บริษัทฯ จะมีผลการดำเนินงานเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบจากปีนี้ เนื่องจากมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 440 เมกะวัตต์ โดยในช่วง 6 เดือนแรกปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,794 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,135 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (IPO) จำนวนไม่เกิน 2,500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยจัดสรรให้ประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มที่ถือหุ้นเดิม บมจ.ทีพีไอ โพลีน ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นไม่เกิน 125 ล้านหุ้น และประชาชนทั่วไปจำนวนไม่เกิน 2,375 ล้านหุ้น