บีซีพีจี เทรดวันแรกปิดที่ 10.70 บาท เหนือจอง 70 สตางค์ หรือ 7% จากราคาไอพีโอที่กำหนดขายหุ้นละ 10 บาท ผู้บริหารเผยปีนี้กำไรวูบต่ำกว่าปีก่อน 2.15 พันล้านบาท เหตุรับรู้ค่าใช้จ่ายในการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น แต่มี EBITDA เพิ่มสูงขึ้น
วานนี้ (28 ก.ย.) บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ได้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเปิดตลาดที่ 11.20 บาท/หุ้น หรือเพิ่มขึ้น 12% จากราคาขาย IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 10 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 11.50 บาท ต่ำสุดที่ 10.60 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 10.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือเพิ่มขึ้น 7% มูลค่าซื้อขาย 6,006,20 ล้านบาท
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิต่ำกว่าปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิ 2.14 พันล้านบาท เนื่องจากบันทึกค่าใช้จ่ายในการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) ในปีนี้ คาดว่าจะสูงขึ้นกว่าปีก่อนที่อยู่ 2.84 พันล้านบาท เป็นผลจากปีนี้มีการรับรู้รายได้เพิ่มโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่น จำนวน 20 เมกะวัตต์ ที่ผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว
นายบัณฑิต กล่าวต่อไปว่า พอใจราคาซื้อขายหุ้น BCPG วันแรกที่สูงกว่าราคาจองถึงกว่า 10% ในช่วงภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยดี โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะใช้ลงทุนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งเป็นการซื้อกิจการ และเริ่มพัฒนาโครงการใหม่ โดยไม่จำกัดเฉพาะในไทย หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 1 พันเมกะวัตต์ในปี 2563 โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนแบบพอร์ตโฟลิโอมากกว่าการลงทุนในรูปการซื้อสินทรัพย์ที่เป็นโรงไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกในปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 1.71 พันล้านบาท EBITDA 1.29 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 849.68 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งใน และต่างประเทศ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 324 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ ตามสัญญารวม 130 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตแล้ว 118 เมกะวัตต์ ที่เหลืออยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ คาดว่าจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ในสิ้นปีนี้ ส่วนที่ญี่ปุ่น มีกำลังการผลิตตามสัญญา 194 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 20 เมกะวัตต์ ที่เหลือ 174 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ โดยมีโอกาสที่จะลงทุนโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นเพิ่มได้ถึง 200 เมกะวัตต์
ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซึ่งเป็นผู้ร่วมในการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ BCPG ประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธี SOTP เฉพาะโครงการที่ COD แล้ว และโครงการที่มีความเป็นไปได้สูง ได้มูลค่าพื้นฐาน 12.00 บาท ที่ราคา IPO 10 บาท คิดเป็น PE ปีนี้ 10.7 เท่า และ PE ปีหน้า 9 เท่า โดยคาดกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีข้างหน้า โตเฉลี่ย 7.3% ต่อปี บริษัทมีเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 1,000 MW ในปี 2020 ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำได้ เพราะเงินทุนเพียงพอ และภาครัฐสนับสนุน
สำหรับ BCPG เป็นบริษัทในกลุ่ม BCP (BCP ถือ 70% หลัง IPO) ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งใน และต่างประเทศ (ญี่ปุ่น) กำลังการผลิตตามสัญญารวมประมาณ 138 MW และจะเพิ่มเป็น 239 MW ในปี 2018 ส่วนใหญ่ได้ Adder 8 บาท/หน่วย (ในประเทศ) และ 32-40 เยน/หน่วย (ญี่ปุ่น) สูงกว่าคู่แข่ง