พีทีจีหนุนรัฐเก็บภาษีแอลพีจีขนส่งเพิ่ม

“พีทีจี เอ็นเนอยี” เร่งขยายปั๊มแอลพีจีเพิ่มขึ้น หลังผู้ประกอบรายอื่นเจอพิษน้ำมันถูกฉุดยอดขายวูบจนต้องเร่เสนอให้เช่าปั๊มทำแทน โดยเห็นชอบไอเดียรัฐเก็บภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่งเพิ่ม

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ หันมารุกธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ภาคขนส่งมากขึ้น โดยลงทุนทำสถานีบริการแอลพีจีแล้ว 30 แห่ง และตั้งเป้าหมายเปิดเพิ่มขึ้นปีละ 50 แห่ง ขณะนี้มีผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของสถานีบริการแอลพีจี 5-10 ปั๊มได้ยื่นเสนอให้บริษัทเช่าทำต่อ โดยอยู่ระหว่างการเจรจา หลังจากปริมาณการขายแอลพีจีภาคขนส่งปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

บริษัทฯ เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการขยายสถานีบริการแอลพีจีให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยนโยบายบริษัทจะเน้นเช่าดำเนินการสถานีบริการแอลพีจี โดยไม่เน้นซื้อเพราะจะใช้เงินลงทุนสูง รวมทั้งการดำเนินธุรกิจแอลพีจีภาคขนส่งนี้อยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อยที่ไม่ได้เป็นผู้ค้ามาตรา 7 ดังนั้นจึงไม่ได้มีการลงทุนสร้างคลัง

ขณะเดียวกัน หากความนิยมในการเติมแอลพีจีภาคขนส่งลดลงเรื่อยๆ บริษัทฯ สามารถปรับเปลี่ยนจากสถานีบริการแอลพีจีมาเป็นสถานีบริการน้ำมันพีทีแทนได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ เพราะนับวันจำนวนสถานีบริการน้ำมันในกรุงเทพฯ ลดน้อยลง เนื่องจากเจ้าของที่ดินไม่ต่ออายุเช่าที่ดินทำปั๊มน้ำมันแต่หันไปขายทำคอนโดมิเนียมแทน

ส่วนกรณีที่รัฐมีแนวคิดจะปรับภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่งเป็น 4 บาทต่อลิตร เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันสำเร็จรูปนั้น ทางบริษัทฯ เห็นด้วยต่อแนวคิดดังกล่าวแม้ว่าจะมีผลทำให้ยอดการใช้แอลพีจีภาคขนส่งยิ่งหดตัวลงก็ตาม เพราะก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิงสะอาดเหมาะสมที่จะนำไปใช้ในภาคครัวเรือนแทนที่จะใช้ในภาคขนส่ง เพราะยังมีเชื้อเพลิงอีกหลายชนิดให้ผู้ใช้รถได้มีทางเลือก