สยามแก๊สฯ ทำตลาดขายแอลพีจีส่งไปยังชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะพม่า และจับมือบางจากเปิดขายน้ำมันในปั๊มแก๊สให้ครบ 15 แห่งในปี 60 หวังชดเชยรายได้ที่หดหายจากยอดขายแอลพีจีภาคขนส่ง แย้มเล็งลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มในพม่าหวังต่อยอดสู่ธุรกิจแอลพีจี
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนขายส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ไปยังชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน จากปัจจุบันที่ 2-3 พันตัน/เดือน เพิ่มเป็น7-8 พันตัน/เดือนในปลายปีนี้ เพื่อชดเชยยอดขายก๊าซแอลพีจีสำหรับภาคขนส่งที่ลดลงถึงไตรมาสละ 1 หมื่นตันหรือลดลงไป 17% จากปีก่อน เนื่องจากผู้ใช้รถหันไปเติมน้ำมันเพิ่มมากขึ้นหลังจากราคาลดต่ำลง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนทำปั๊มน้ำมันภายในปั๊มแอลพีจีสำหรับรถยนต์ด้วยเพื่อเป็นรายได้เสริม โดยได้เจรจากับบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ให้เป็นผู้ลงทุนปั๊มน้ำมันดังกล่าว โดยทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากค่าการตลาดน้ำมันมาเสริมรายได้จากการขายก๊าซแอลพีจี โดยตั้งเป้าในปลายปีนี้จะมีปั๊มน้ำมันอยู่ภายในปั๊มแอลพีจี 6แห่ง และปีถัดไปจะเพิ่มขึ้นเป็น 15 แห่งจากจำนวนปั๊มแอลพีจีที่สยามแก๊สฯ เป็นเจ้าของและบริหารเอง 45 แห่ง
“ปัจจุบันบริษัทมีการส่งออกแอลพีจีไปยังชายแดนติดกับประเทศพม่าผ่านด่านแม่สอดเดือนละ 2-3 พันตัน โดยปลายปีนี้คาดว่าจะเพิ่มปริมาณการส่งออกแอลพีจีมากเป็น 5 พันตัน/เดือน เนื่องจากตลาดพม่ามีความต้องการใช้แอลพีจีมาก ส่วนการขายส่งไปยังชายแดนติดกับกัมพูชา มาเลเซีย และลาวไม่มากนัก โดยบริษัทนำเข้าแอลพีจีจากตลาดสิงคโปร์แล้วส่งออก (Re-export) โดยบริษัทได้รับอนุญาตในการทำคลังสินค้าทัณฑ์บน จึงสามารถนำเข้าแอลพีจีแล้วส่งออกไปขายต่างประเทศได้”
นางจินตณากล่าวถึงการร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าขนาด 230 เมกะวัตต์ที่ประเทศพม่าว่า ขณะนี้บริษัทร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมขนาด 230 เมกะวัตต์ในประเทศพม่า เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการตัดสินลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในพม่านั้นเพื่อหวังต่อยอดสู่ธุรกิจแอลพีจี โดยมีเป้าหมายที่จะลงทุนสร้างคลังก๊าซฯ ท่าเทียบเรือ และโรงบรรจุก๊าซฯ เพื่อทำตลาดแอลพีจีทั้งภาคครัวเรือนและขายส่งในประเทศดังกล่าว คาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 2560 โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าประมูลทำคลังแอลพีจีที่พม่าแต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่จึงต้องยุติไป
รวมทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะลงทุนธุรกิจแอลพีจีที่ประเทศบังกลาเทศ โดยจะลงทุนทั้งคลังเก็บแอลพีจี ท่าเทียบเรือ และโรงบรรจุ คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้
