“กกร.” เปิดเวทีร่วมภาครัฐที่เกี่ยวข้องวันนี้ (26 ก.ค.) รับฟังสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ “มีชัย ฤชุพันธุ์” มาเอง เพื่อให้เอกชนเข้าใจเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้อง ขณะที่มุมมองของเอกชนต่างเห็นว่าการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 สิงหาคมนี้ รับหรือไม่รับไม่เท่ากับอยากเห็นเลือกตั้งและเชื่อมั่นนายกฯ ลุงตู่ว่าที่สุดจะมีการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 26 ก.ค. คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ร่วมกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดสัมมนาเผยแพร่ความรู้เรื่อง “สาระและประเด็นสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับลงประชามติ” โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ บรรยายให้ความรู้เรื่องสาระและประเด็นสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ เพื่อให้ภาคเอกชนได้รับทราบและเข้าใจประเด็นสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับภาคการค้า การลงทุน ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม
นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไรก็ยังเชื่อมั่นโรดแมปของรัฐบาลซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ระบุไว้ว่าที่สุดจะมีการเลือกตั้งโดยเร็ว เนื่องจากในสายตาของนักลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศล้วนมองว่าจะเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบไม่ว่าสาระของรัฐธรรมนูญจะเป็นเช่นไร
“คือผมคิดว่าผ่านหรือไม่ผ่านก็ไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนะ เพราะทุกคนก็ชินแบบนี้แล้ว และก็เชื่อว่ารัฐบาลจะเดินตามโรดแมปที่สุดท้ายจะมีการเลือกตั้งซึ่งถ้าเร็วก็จะดีต่อความเชื่อมั่น” นายวัลลภกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า การเมืองกับเศรษฐกิจของไทยนั้นที่ผ่านมามักไปด้วยกัน และเศรษฐกิจไทยยังผูกติดอยู่กับเศรษฐกิจโลกด้วยการส่งออก ดังนั้น การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ย่อมมีผลต่อเศรษฐกิจซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นผู้ป่วยของอาเซียนจากที่เคยโดดเด่น หากดูประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า เวียดนาม สปป.ลาว รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ดีไปกว่าไทยเลย แต่เมื่อเลือกตั้งก็เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก ดังนั้นเห็นว่าการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญใดก็น่าจะเป็นคำตอบมากกว่า
