ส.อ.ท.-สภาองค์การนายจ้างมองแนวโน้มส่งออกไทยซึมยาว ไตรมาสแรกถึงครึ่งปีแรก ทั้งปีอาจโตได้แค่ 0% คาดหวังจะไม่ติดลบเป็นปีที่ 4 เหตุหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นจากภาวะน้ำมันขยับครึ่งปีหลัง สภาองค์การนายจ้างแนะพาณิชย์ทบทวนยุทธศาสตร์ส่งออกใหม่ให้เป็นรูปธรรมมองข้อเท็จจริง
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และรองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท. สมาคมธนาคารไทย และสภาหอการค้าไทย เดือน มี.ค.นี้จะมีการหารือถึงภาวะเศรษฐกิจและการส่งออกไทยหลังจากที่ตัวเลขส่งออก ม.ค. 59 มีมูลค่า 15,711 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 8.91% ต่ำสุดรอบ 50 เดือน ซึ่งในส่วนตัวคาดการณ์ว่าส่งออกของไทยเดือน ก.พ.ยังคงติดลบต่อเนื่องและทำให้ภาพรวมไตรมาสแรกปีนี้ยังคงติดลบเฉลี่ย 5% และทั้งปีจะทำให้การส่งออกเติบโต 0%
“กกร.คงจะต้องดูว่าจะมีการปรับตัวเลขคาดการณ์ส่งออกใหม่ในช่วงใด แต่คาดหวังว่าครึ่งปีหลังปี 2559 เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวจากระดับราคาน้ำมันที่น่าจะเริ่มขยับขึ้น และจะทำให้สินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะสินค้าเกษตรของไทยหลายรายการที่ส่งออกมีราคาที่ดีขึ้น ก็จะทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยเริ่มค่อยๆ ฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง จึงหวังว่าส่งออกจะยังไม่ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 4” นายวัลลภกล่าว
ทั้งนี้ จากตัวเลขส่งออก ม.ค. 59 จะพบว่าไทยเองก็ไม่ได้ย่ำแย่นักหากเทียบกับประเทศต่างๆ ก็ล้วนแต่มีการส่งออกติดลบ อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวมองว่ายุทธศาสตร์เดิมคือการเร่งผลักดันการขยายการเติบโตตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) จะยังคงมีโอกาสในการทำตลาดมากกว่าตลาดใหม่ๆ อื่นๆ ที่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยง ขณะเดียวกัน การบริโภคภายในประเทศเองก็มีส่วนสำคัญซึ่งจะเห็นว่าการนำเข้าเดือน ม.ค.ยังคงติดลบ ซึ่งการนำเข้าไม่ใช่เพียงในเรื่องของวัตถุดิบแต่จะหมายถึงการป้อนสินค้าบริโภคในประเทศด้วย
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) กล่าวว่า การส่งออก ม.ค.ที่ติดลบไม่ได้แปลกใจแต่ก็ตกใจว่ามากกว่าที่คาดไว้เท่านั้น ดังนั้นจึงเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์มีความจำเป็นจะต้องทบทวนยุทธศาสตร์การส่งออกของไทยใหม่ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เพราะโอกาสที่ส่งออกจะโต 5% ปีนี้ไม่ง่ายนักเนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจโลกจะซึมยาวอย่างน้อยจนถึงครึ่งปีแรก
“ต้องไม่ปฏิเสธว่าการหาตลาดใหม่ไม่ได้ง่ายเพราะส่งออกไทยพึ่งพิงตลาดหลัก คือ จีน ญี่ปุ่น อาเซียน ยุโรป และฮ่องกง คิดเป็นสัดส่วน 62% คือการที่จะไปจัดทัพทูตพาณิชย์อะไรนั้นผมคิดว่าเขาไม่ใช่ผู้ส่งออกตัวเลขที่ได้มาก็แค่สถิติที่ทำกันไปเป็นแค่นามธรรม เวลานี้ผู้ส่งออกรู้ดีว่าแรงซื้อเขายังพอมีแต่ปัญหาคือเงินคู่ค้าไม่มีทำให้เปิด LC ไม่ได้ เป็นไปได้ไหมว่าจะมีสินเชื่อให้กับคู่ค้าก่อนอะไรทำนองนี้คือต้องว่ากันในข้อเท็จจริง ซึ่งจะเห็นว่าวันนี้คู่แข่งของไทยคือเวียดนามที่การส่งออกเขาโตนะเราจะต้องดูแล้วว่าสินค้าเราเหมือนเขาทุกอย่างจะทำอย่างไรกับขีดแข่งขันด้วย” นายธนิตกล่าว