เอกชนเผยทิศทางออเดอร์ส่งออกของไทยไตรมาส 2 ยังทรงตัว สัญญาณบ่งชี้ทั้งปี 2559 การส่งออกไทยคงไปไม่ถึงเป้าหมายโต 5% แน่ คาดเฉลี่ยโต 0-2% แต่นักวิชาการกลับมองต่างแนวโน้มติดลบต่อ
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้คำสั่งซื้อสินค้า (ออเดอร์) จากต่างประเทศล่วงหน้าไตรมาส 1-2 ยังอยู่ในภาวะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของคู่ค้าหลักทั้งตลาดสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และจีน อยู่ในภาวะชะลอตัว ดังนั้นจากแนวโน้มดังกล่าวส่วนตัวจึงคาดการณ์ว่าการส่งออกปี 2559 คงจะเติบโตได้มากสุด 1-2%
“ปี 2558 เราติดลบ 5.78% ซึ่งค่อนข้างที่จะมากเมื่อดูสถานการณ์ภาพรวมปี 2559 จากหลายปัจจัยก็เชื่อว่าน่าจะดีขึ้นบ้างเล็กน้อยแต่โอกาสที่การส่งออกจะเติบโตถึง 5% ก็คงไม่ง่ายนัก แต่ก็มองไม่เลวร้ายจะถึงขั้นติดลบเพราะไทยเองเป็นฐานผลิตสำคัญหลายอย่าง เป็นการรับจ้างผลิตมีคนทำตลาดให้ และคงจะต้องมาดูสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจโลกช่วงกลางปีนี้อีกครั้งหนึ่งเพราะมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก” นายธนิตกล่าว
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ ยุโรป จีน ที่ยังชะลอตัวทำให้ประเทศเหล่านี้เน้นลดการนำเข้าสินค้าและหันใช้สินค้าในประเทศตนเองเป็นหลัก ประกอบกับการที่ประเทศคู่แข่งทางการค้ารวมถึงคู่ค้าหลายแห่งมีค่าเงินที่อ่อนค่ากว่าไทย เช่น เวียดนาม และจีนมีการลดค่าเงินลงมาทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าสูงขึ้น ขณะที่ไทยเองก็มีต้นทุนการผลิตที่สูงเช่นกันทำให้ศักยภาพการทำตลาดค่อนข้างต่ำ
“สิ่งที่ห่วงเวลานี้คือภาคธุรกิจเริ่มประสบปัญหาขาดสภาพคล่องมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นห่วงโซ่จากการส่งออกที่ถดถอยกระทบต่อผู้ผลิตวัตถุดิบ เมื่อกำลังซื้อในประเทศลดต่ำก็ยิ่งซ้ำไปอีก หลายโรงงานพยายามระบายของออกเพื่อให้มีเงินมาหมุนแม้จะต้องขาดทุนบ้างก็ตาม จะเห็นได้ว่าสถาบันการเงินก็จะไม่ค่อยปล่อยกู้ง่ายนัก” นายธนิตกล่าว
แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวยอมรับว่า กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายส่งออกปี 2559 จะเติบโต 5% นั้นยอมรับว่าเป็นไปได้ยากเนื่องจากเศรษฐกิจภาพรวมของโลกยังชะลอตัวโดยเฉพาะจีน และค่าเงินบาทที่แม้จะอ่อนค่าแต่ก็น้อยกว่าคู่แข่งทำให้ศักยภาพการแข่งขันต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยเฉพาะเวียดนามและจีนที่มีการลดค่าเงินลงมา ดังนั้น ส่งออกไทยเลวร้ายสุดจะโต 0% แต่ดีสุดคงจะโตได้ 2-3%
นายตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกปี 2559 คาดว่าจะขยายตัวติดลบ 3-4% เนื่องจากหลายประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ไม่มีกำลังซื้อ ดังนั้น ภาคเอกชนต้องปรับตัว หากขณะนี้จะบุกตลาดก็ต้องคิดใหม่ เพราะทั่วโลกลดการนำเข้าและหันมาใช้สินค้าคงเหลือไปก่อน นอกจากนี้ ภาคเอกชนจะต้องปรับโครงสร้างการผลิตภายใน โดยเน้นต้นทุนที่ถูก รวมทั้งต้องระวังเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องบริหารค่าเงินให้ดีสอดคล้องกับสถานการณ์โลก
