เอกชน 47 ราย แห่ยื่นเอกสารตรวจสอบคุณสมบัติก่อนเข้าร่วมประมูลข้าวที่มีคำสั่งซื้อและเข้าอุตสาหกรรม รวม 3.81 ล้านตัน “พาณิชย์” เผยแม้เงื่อนไขสุดเข้มแต่มีคนสนใจมาก แสดงว่าตลาดมีความต้องการข้าว ส่วนการเรียกค่าเสียหายจีทูจีรอหนังสือตอบกลับอยู่ ด้านเอกชนคาดส่งออกปีนี้อาจหลุดเป้า 9.5 ล้านตัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า วันที่ 21 ก.ค. 2559 กรมการค้าต่างประเทศได้เปิดให้เอกชนยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ เพื่อตรวจสอบก่อนเข้าร่วมเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลให้แก่ภาคเอกชนที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ครั้งที่ 1/2559 ปริมาณ 2.18 ล้านตัน และการจำหน่ายข้าวสารเป็นการทั่วไปเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2559 ปริมาณ 1.63 ล้านตัน โดยมีเอกชนยื่นซองคุณสมบัติสำหรับกรณีคำสั่งซื้อจำนวน 9 ราย และเข้าสู่อุตสาหกรรม 38 ราย
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เอกชนให้ความสนใจยื่นตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อซื้อข้าวของรัฐในจำนวนที่น่าพอใจ แม้การระบายทั้งสองรูปแบบจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด โดยกรณีเพื่อส่งออก ต้องมีคำสั่งซื้อจริงมายืนยัน และยังมีข้อจำกัดในเรื่องการขนย้าย และการส่งหลักฐานการส่งออก ส่วนเข้าอุตสาหกรรมก็ต้องมีแผนที่จะนำเข้าอุตสาหกรรมมาแสดง โดยจากนี้ไปกรมฯ จะทำการตรวจสอบคุณสมบัติ และประกาศให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติยื่นซองเสนอราคาในวันที่ 25 ก.ค. 2559
“เงื่อนไขที่ค่อนข้างจำกัด แต่ก็มีเอกชนสนใจ แสดงให้เห็นว่าตลาดมีความต้องการข้าว ซึ่งกรมฯ จะทำการตรวจสอบคุณสมบัติให้ครบถ้วน เพราะการขายแบบนี้ ต้องเป็นคนที่มีออเดอร์ในมือแล้วจริงๆ จึงกล้าเสนอตัว เพราะถ้าพบว่ามายื่นเล่นๆ หรือลองดู ทั้งที่ยังไม่มีตลาดในมือก็จะเสียประวัติกับกรมฯ ส่วนซื้อเข้าอุตสาหกรรมก็เช่นเดียวกัน ต้องมีแผนมายืนยันด้วย” นางดวงพรกล่าว
นางดวงพรกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการเรียกค่าเสียหายจากการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับนักการเมืองและข้าราชการรวม 6 ราย ขณะนี้กรมฯ กำลังรอหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ได้มีหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณากรณีเรียกค่าเสียหาย โดยคาดว่าจะได้รับหนังสือตอบกลับมาได้เร็วๆ นี้
ทั้งนี้ หากได้รับหนังสือตอบกลับมาแล้ว ก็จะแจ้งให้นักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 ราย รับทราบตามขั้นตอนเพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการขายข้าวจีทูจี จำนวน 4 สัญญา ปริมาณรวม 6.2 ล้านตัน ตามที่กระทรวงการคลังได้คำนวณไว้ โดยการส่งหนังสือบังคับทางปกครองจะต้องดำเนินการภายในอายุความ 2 ปี คือ เดือน ก.พ. 2560 ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ทันก่อนกำหนดเวลาอย่างแน่นอน
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าการส่งออกปี 2559 จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่ 9.5 ล้านตัน โดยคาดว่าจะส่งออกได้เพียง 9.2 ล้านตัน แต่ราคาจะดีกว่าปีก่อน เพราะขณะนี้ราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งเฉลี่ยที่ตันละ 50 เหรียญสหรัฐ โดยราคาข้าวขาวเก่าของไทยอยู่ที่ประมาณตันละ 360 เหรียญสหรัฐ ส่วนข้าวใหม่ตันละ 420 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วงและเกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่ทำให้ผลผลิตลดลง