“พาณิชย์” เปิดชี้แจงทีโออาร์ประมูลข้าวทั่วไปและเข้าอุตสาหกรรม 1.63 ล้านตัน ยันสามารถเลือกซื้อได้ทั้งข้าวดี ข้าวเสีย แต่ต้องยกคลัง หรือหากในคลังมีข้าวดีเสียปนกันก็ต้องมีแผนที่ชัดเจนว่าข้าวเสียจะส่งต่อไปไหน มั่นใจไม่กระทบตลาด แม้ประมูลล็อตใหญ่ถึง 2 ล็อต รวมกว่า 3.7 ล้านตัน
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการชี้แจงหลักเกณฑ์เงื่อนไข (ทีโออาร์) ระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไป 7.3 แสนตัน และเข้าอุตสาหกรรม 9 แสนตัน ปริมาณรวม 1.63 ล้านตัน ว่าเป็นครั้งแรกที่กรมฯ ได้เปิดให้มีการประมูลข้าวแบบทั่วไปและเข้าอุตสาหกรรมพร้อมกัน โดยได้นำข้าวเกรดพี, เอ, บี, ซี และข้าวผิดมาตรฐาน ผิดชนิดที่อยู่ปนกันไม่สามารถคัดแยกได้ มาเปิดประมูลพร้อมกันจำนวน 108 คลัง จำนวน 14 ชนิดข้าว ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว 5% ถึง 70% และปลายข้าว 22% ที่เหลือเป็นข้าวชนิดอื่นๆ
ทั้งนี้ กรมฯ จะเปิดให้ผู้สนใจตรวจสอบโกดังเก็บข้าวที่เปิดระบายครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 11-15 ก.ค. ให้ยื่นซองคุณสมบัติวันที่ 21 ก.ค. และยื่นซองเสนอราคาวันที่ 25 ก.ค. โดยผู้ซื้อข้าวสามารถเลือกซื้อข้าวชนิดใดก็ได้ แต่หากเป็นข้าวทั่วไป สามารถนำไปปรับปรุงเพื่อขายในประเทศหรือส่งออกก็ได้ แต่หากเป็นข้าวเข้าอุตสาหกรรม ก็ต้องนำเข้าอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว โดยจะมีระบบการตรวจสอบ ควบคุม เหมือนกับการขายข้าวเข้าอุตสาหกรรมก่อนหน้านี้
“ถ้าเป็นกรณีในโกดังเดียวกัน มีทั้งข้าวดี ข้าวเสีย ก็ต้องยื่นประมูลแบบยกคลัง แต่ผู้ที่ยื่นประมูลก็ต้องมีแผนส่งมาให้พิจารณาด้วยว่าจะนำข้าวเสียไปทำอะไร เข้าสู่อุตสาหกรรมไหน และในการขนย้ายข้าว หน่วยงานเจ้าของข้าว ทั้งองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จะมีการตรวจสอบการขนย้าย เส้นทางขนย้าย จนถึงเข้าโรงงาน”
สำหรับราคาที่จะพิจารณาขายในครั้งนี้เนื่องจากเป็นข้าวปนกัน ได้มีสูตรในการคำนวณอยู่แล้ว ทั้งราคาของข้าวดีและข้าวเสีย ซึ่งกรมฯ จะมีราคากลางของข้าวแต่ละคลังอยู่ ซึ่งหากยื่นซื้อราคาต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดก็จะไม่พิจารณาขายให้
นางดวงพรกล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวในช่วงเดียวกันล็อตใหญ่ถึง 2 ล็อต คือ ให้ผู้ที่มีคำสั่งซื้อมายื่นประมูล 2.18 ล้านตัน และประมูลทั่วไปและเข้าอุตสาหกรรมอีก 1.63 ล้านตัน เนื่องจากเป็นช่วงที่เหมาะสม เพราะช่วงนี้ข้าวนาปรังหมดแล้ว ข้าวนาปียังไม่ออก และตลาดมีความต้องการข้าวเพิ่มมากขึ้น หากระบายตอนนี้จะกระทบต่อตลาดน้อยที่สุด จึงต้องเร่งระบายข้าวให้ได้มากที่สุด โดยคาดว่าเดือน ส.ค.อาจจะมีการเปิดระบายอีกครั้งซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือกคลัง
“ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะระบายได้หมดหรือไม่ เพราะถ้าดูจากความต้องการของตลาด และช่วงเวลาที่เหมาะสม น่าจะขายได้เยอะอยู่ ส่วนจะได้เกิน 70% หรือไม่ ตอบไม่ได้ แต่กำลังสวดมนต์อยู่ขอให้ได้ และหากรอบนี้ขายได้มาก ก็มั่นใจว่าข้าวในสต๊อกที่เหลืออยู่ทั้งหมด น่าจะระบรายได้หมดภายในปี 2560 แน่นอน” นางดวงพรกล่าว