เอกชน 69 ราย แห่ยื่นตรวจสอบคุณสมบัติประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล 2.24 แสนตัน เตรียมเปิดให้ผู้ผ่านยื่นซองเสนอราคาในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ “พาณิชย์” มั่นใจได้รับความสนใจยื่นเสนอราคาเป็นจำนวนมากแน่ ยันไม่กระทบราคา เหตุตลาดมีความต้องการข้าวเพิ่ม ส่วนการเรียกค่าเสียหายจีทูจี 2 หมื่นล้าน รอกฤษฎีกาตอบ ก่อนแจ้งให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาชดใช้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2559 กรมการค้าต่างประเทศได้เปิดให้เอกชนที่สนใจเข้ายื่นเอกสารตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อการยื่นซองเสนอราคาประมูลข้าวในสต๊อกของรัฐ ครั้งที่ 4/2559 ปริมาณกว่า 2.24 ล้านตัน จาก 173 คลัง ใน 35 จังหวัด พบว่ามีเอกชนสนใจเข้ายื่นซองตรวจคุณสมบัติรวมทั้งสิ้น 69 ราย และจะเปิดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเข้ายื่นซองเสนอราคาประมูลข้าวอีกครั้งในวันที่ 15 มิ.ย. 2559 โดยกำหนดหลักเกณฑ์การประมูลแบบยกคลัง ซึ่งในแต่ละคลังจะมีส่วนผสมระหว่างข้าวเกรด P, A, B และ C แต่ละสัดส่วนไม่เกิน 20% ในแต่ละคลัง
ทั้งนี้ เนื่องจากเกิดเหตุฝนตกหนักในพื้นที่ จ.พิจิตร พื้นที่ตั้งคลังสินค้ากิจอุดม ทำให้การสัญจรเข้าพื้นที่คลังดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้ ทำให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวระงับการจำหน่ายข้าวในคลังอุดมกิจ หลังที่ 3 จ.พิจิตร ในครั้งประมูลครั้งนี้ ส่งผลให้ปริมาณข้าวที่จะนำออกมาประมูลลดลงเหลือเพียง 2.23 ล้านตัน จาก 172 คลัง
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า มั่นใจว่าข้าวที่นำออกประมูลในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการค้าข้าว ผู้ส่งออก และโรงสี และจะไม่กระทบกับราคาข้าวในตลาด เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ประกอบกับตลาดโลกยังมีความต้องการข้าวอีกเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ราคาข้าวในตลาดมีราคาสูงขึ้น แต่ถ้าเอกชนเสนอราคาซื้อข้าวต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนดก็จะไม่ขายให้ เพื่อป้องกันกระทบต่อราคาในตลาด และป้องกันความเสียหายต่อภาครัฐ
สำหรับสถานการณ์ข้าวในขณะนี้พบว่า ผลผลิตข้าวในตลาดโลกลดลงจากผลกระทบภัยแล้ง โดยคาดว่าในส่วนของไทยปริมาณผลผลิตจะลดลง 15% และเวียดนามเองผลผลิตข้าวก็ลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งกรมฯ จะมีการประชุมหารือกับเวียดนาม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ข้าวร่วมกัน เพื่อผลักดันราคาข้าวในตลาดโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนการระบายข้าวในช่วงครึ่งปีหลัง กรมฯ จะเน้นการขายทั้งแบบประมูลทั่วไป และการขายในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เพื่อลดปริมาณสต๊อกที่ยังเหลืออยู่กว่า 10 ล้านตัน โดยในเดือน ก.ค.นี้ จะเดินทางไปแอฟริกาใต้ และโมซัมบิก เพื่อเจรจาขายข้าวจีทูจีปริมาณ 3 แสนตัน และยังจะมีแผนขายข้าวจีทูจีให้แก่อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ด้วย ส่วนจีนจะเร่งผลักดันการส่งมอบข้าวตามสัญญาจีทูจีในส่วนที่เหลือโดยเร็ว
นางดวงพรกล่าวว่า ทางด้านความคืบหน้าการดำเนินการเรียกค่าเสียหายในคดีทุจริตขายข้าวจีทูจี มูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท กรมฯ ได้สอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้ตีความแล้วว่าใครเป็นผู้ที่ต้องทำหนังสือเรียกค่าเสียหาย ขณะนี้กำลังรอเลขาธิการกฤษฎีกาทำหนังสือตอบกลับมา ซึ่งหากได้คำตอบก็จะแจ้งให้ผู้ที่ถูกกล่าวหามาชดใช้ค่าเสียหายต่อไป