รฟม.เผยนำบทเรียน เดินรถสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย พิจารณารูปแบบเดินรถสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) จ่อเจรจาตรงBEM ผู้เดินรถสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน)เพื่อเดินรถต่อเนื่อง เซฟค่าบริหารและการลงทุนเดปโป้ ส่วนสีส้มเตรียม เปิด PPP รายเดียวเดินรถตลอดสายตั้งแต่ "ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี" คาดชงผลศึกษาครม.ได้ต้นปี 60 ด้าน ITD โผล่ซื้อซองโมโนเรล"ชมพู-เหลือง"
พลเอกยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า แนวทางการคัดเลือกผู้เดินรถสายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ระยะทาง 23.6 กม.นั้น อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม โดยเบื้องต้นจะยึดหลักการเดินรถต่อเนื่องกับสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับการเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ที่คณะกรรมการมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติ การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556) เสนอรูปแบบเจรจาตรงกับผู้เดินรถรายเดิมสายเฉลิมรัชมงคล คือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด รวมถึง การเดินรถสายสีส้ม ซึ่งจะเสนอเปิด PPP ตลอดสายทั้งด้านตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) และตะวันตก (ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) ระยะทาง 17.5 กม. ให้เป็นรายเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหายุ่งยาก ซ้ำรอยการเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และเป็นการลดค่าใช้จ่ายการบริหารการเดินรถ สามารถใช้ศูนย์ซ่อมร่วมกันได้
ทั้งนี้ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก จะเริ่มก่อสร้างปี 2560 ส่วนสายสีส้มด้านตะวันตก จะเสนอครม.ขออนุมัติได้ในปี 2560 ประเด็นเรื่องระยะเวลาก่อสร้างของ 2 ส่วน ไม่มีปัญหา เพราะห่างกันไม่ถึงปี ไม่กระทบต่อการพิจารณาเดินรถสายสีส้ม
นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าฯรฟม.กล่าวว่า การเดินรถสีม่วงใต้ รูปแบบ PPP มี มูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จะพิจารณาโดยใช้บรรทัดฐานเดียวกับสายสีน้ำเงินต่อขยายคือ เดินรถต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะเจรจากับ BEM ผู้เดินรถสีม่วงส่วนแรก และมีประเด็นเพิ่มเติมเรื่องรูปแบบว่าจะเป็น PPP-Net Cost (สัมปทาน) หรือ PPP-Gross Cost (จ้างบริหารเหมือนสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน) อีกด้วย ซึ่งต้องรอผลศึกษา ส่วนการเดินรถสายสีส้มมีมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท โดยจะสรุปรายงานการศึกษาทรูปแบบการเดินรถของทั้งสีม่วงใต้และสีส้ม เสนอครม.ได้ต้นปี 2560
***ITD โผล่ซื้อซองร่วมชิงสัมปทาน "โมโนเรลชมพู-เหลือง"
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 53,490 ล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 29.1 กม. วงเงิน 51,810 ล้านบาทซึ่งเปิดขายซองไปเมื่อวันที่ 6 ก.ค.59 มีเอกชนซื้อซองแล้ว 4 ราย โดยมีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เข้าซื้อเป็นรายล่าสุด จากวันแรกที่มี BEM , บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC และบริษัท ราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด ซื้อไปแล้ว