xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” เพิกถอน 13 บริษัทเครือข่ายทรานลี่ ห้ามทำธุรกิจท่องเที่ยวอีก หลังเจอจับมีต่างด้าวเป็นเจ้าของ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” เพิกถอนการจดทะเบียน 13 บริษัทในเครือ “ทรานลี่ ทราเวิล” และจ่อถอนทะเบียนร้างอีก 1 บริษัท หลังถูกบุกจับ ยึดเรือและรถ พร้อมอายัดทรัพย์สิน เหตุเป็นคนต่างด้าวบัตรประชาชนไทยเข้ามาทำธุรกิจท่องเที่ยว ระบุจะทำธุรกิจอีกไม่ได้ เผยได้ส่งดำเนินคดีผิดกฎหมายต่างด้าวด้วย แย้มยังมี 3 บริษัท อยู่ในข่ายตรวจสอบว่าเกี่ยวพันด้วยหรือไม่

น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ทำการเพิกถอนการจดทะเบียน บริษัทในเครือข่ายบริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด จำนวน 13 บริษัท และกำลังอยู่ระหว่างเพิกถอนทะเบียนร้าง 1 บริษัท หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าตรวจจับ ยึดเรือ รถบัส และอายัดทรัพย์สินเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา ทำให้ทั้ง 13 บริษัท ที่ถูกเพิกถอนการจดทะเบียนสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล ไม่สามารถประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลได้อีกต่อไป

สำหรับ 13 บริษัท ที่ถูกเพิกถอนทะเบียน ได้แก่ 1. บริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด 2. บริษัท ราชา สปา จำกัด 3. บริษัท ไท่ลี่ อิมพอร์ต จำกัด 4. บริษัท ภูเก็ต บลู เฮเว่น ไดฟ์วิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด 5. บริษัท เหมยลี จำกัด 6. บริษัท หยางกวง จำกัด 7. บริษัท ที.แอล.เบทเตอร์เวย์ จำกัด 8. บริษัท บลู เวฟ รีสอร์ท จำกัด 9. บริษัท อินทรี มารีน จำกัด 10. บริษัท ภูเก็ต ปิง เฟรนด์ จำกัด 11. บริษัท แมนตา มารีน จำกัด 12. บริษัท เวนิส ซีวิว จำกัด และ 13. บริษัท บลู เบย์ รีสอร์ท จำกัด

ส่วนอีก 1 บริษัท คือ บริษัท สบันงา สปา จำกัด ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่ามีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ที่เดียวกับกลุ่มบริษัททรานลี่ ทราเวิล กรมฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการเพิกถอนทะเบียนร้าง เพราะบริษัทไม่ได้ส่งงบการเงินเกินกว่า 3 ปี ทำให้เข้าข่ายที่จะดำเนินการถอนทะเบียนร้างได้ แต่สรรพากรจังหวัดภูเก็ตได้ขอระงับการถอนทะเบียนร้างไว้ ซึ่งกรมฯ จะได้ประสานกับสรรพากรให้ถอนระงับเพื่อจะได้ดำเนินการถอนทะเบียนร้างต่อไป

ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้ส่งดำเนินคดีต่อบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย คือ นายนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม และนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล ซึ่งใช้บัตรประชาชนของคนไทย แล้วมาจดทะเบียนตั้งบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ในข้อหาผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เพราะเป็นคนต่างด้าวเข้ามาทำธุรกิจสงวนสำหรับคนไทย โดยจะมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับตั้งแต่ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า สำหรับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ยังได้มีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง คือ กรมการท่องเที่ยว ได้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยวของ 6 บริษัท ปปง.ได้เข้ายึดทรัพย์ในบริษัทที่เกี่ยวโยงกับบุคคลทั้งสอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้จับกุมตัวนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม ข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้บัตรประชาชนที่ได้มาจากการแจ้งข้อมูลเท็จกับเจ้าพนักงาน สำหรับนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล อยู่ระหว่างหลบหนีการดำเนินคดี

นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้มีการตรวจสอบบริษัทที่มีความเกี่ยวโยงกับบริษัท ทรานลี่ ทราเวิล อีก 3 บริษัท โดยมีที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ทำธุรกิจเกี่ยวกับบริการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และแลกเงิน โดยจะตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวโยงกันหรือไม่ หากใช่ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 2559 กรมฯ ได้ระงับการจดทะเบียน เช่น การแก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูลของบริษัทในเครือทรานลี่ ทราเวิล และระงับการออกหนังสือรับรองและสำเนาเอกสาร พร้อมดำเนินการแจ้งความเท็จและเรียกตรวจสอบบัญชีธุรกิจ ประกอบกับระบุหมายเหตุข้อควรทราบในหนังสือรับรองเกี่ยวกับการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยว การถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานแจ้งข้อมูลเท็จ และการระงับการออกหนังสือรับรอง เพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือประชาชนได้รับทราบและพึงระวังในการดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทดังกล่าวมาแล้ว และต่อมาวันที่ 6 ก.ค. 2559 ได้ทำการเพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคล
กำลังโหลดความคิดเห็น