ศูนย์ข่าวภูเก็ต-เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ ปปง. สนธิกำลังทั้งทางบกทางน้ำบุกยึดเรือบริการนำเที่ยว 29 ลำ รถบัส 53 คัน ของกลุ่มบริษัทในเครือ ทรานลี่ เทรเวล จำกัด ในภูเก็ต หลังตรวจพบเป็นคนต่างด้าวแอบสวมบัตรประชาชนไทย แล้วเข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เผยได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทมากถึง 17 แห่ง ยันนักท่องเที่ยวที่จองทัวร์ไว้แล้ว จะไม่ได้รับผลกระทบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวานนี้ (6 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต , พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธคณานนท์ ผบก. สส.ภ.8 , พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว , นายสุธรรม เดชดี รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว พร้อมด้วยตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ทหารบก ทหารเรือ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สนธิกำลังเข้าตรวจสอบทรัพย์สิน และเส้นทางการเงินของบริษัทต่างๆ ซึ่งเป็นเครือข่ายบริษัท ทรานลี่ เทรเวล จำกัด หรือบริษัท ไทลี ที่มีนายกชกร รุ่งมงคลนาม และนายวีรชัย คำไผ่ประพันธ์กุล เป็นเจ้าของ และถูกศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับ ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าว แต่อ้างว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทยให้เจ้าหน้าที่ออกบัตรประชาชน และนำไปจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจนำเที่ยว
โดยการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ ได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกเป็น 3 ชุด ประกอบด้วย ชุดตรวจสอบกิจการที่เกี่ยวข้องต่อการขนส่งทางเรือ และยานพาหนะนำเที่ยวทางทะเล ซึ่งจุดนี้นำโดย พ.ต.อ.ภรศักดิ์ นวลหนู รอง ผบก.สส.ภ.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักรวรรรดิ์ บุญทวีกุลสวัสดิ์ ผกก.ปท.บก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.อักนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสตร์ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ทหารบก มทบ.41 ทหารเรือ เจ้าหน้าที่จาก ปปง.นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจค้นบริษัทอินทรีมารีน จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากการตรวจสอบในครั้งนี้มีการตรวจยึดเรือที่ให้บริการนำเที่ยวไว้ตรวจสอบ จำนวน 29 ลำ รวมทั้งเอกสารทางบัญชี และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยง
ส่วนจุดที่ 2 ชุดตรวจค้นนำโดย พ.ต.ท.ปองภพ ประสพพิชัย สารวัตรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจจังหวัดภูเก็ต ทหารเรือ ทหารบกจาก มทบ.41 เจ้าหน้าที่ ปปง. นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต ตรวจค้นที่บริษัท ที.แอล.เบทเตอร์เวย์ จำกัด ในพื้นที่เกาะสิเหร่ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับการขนส่งทางบก (รถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว) เพื่อตรวจยึดรถ และเอกสารต่างๆ ไปตรวจสอบ ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถบัส จำนวน 53 คัน ไว้ทำการตรวจสอบ
ขณะที่จุดที่ 3 ทางเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสอบที่บริษัท ราชา สปา จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านภูเก็ตวิลล่า 5 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต จุดนี้ นำโดย พ.ต.ท.รัฐเขต มั่นเมือง สารวัตรสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเพื่อตรวจยึดเอการที่เกี่ยวกับบัญชี เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน
พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นบริษัทที่เกี่ยวข้องต่อบริษัท ทรานลี่ เทรเวล จำกัด ในครั้งนี้ เป็นการสนธิกำลังร่วมกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยผลการตรวจค้นในเบื้องต้น ได้มีการตรวจยึดเรือสปีดโบต จำนวน 29 ลำ รถบัส จำนวน 53 คัน เพื่อไปทำการตรวจสอบ แต่ในการตรวจยึดทั้งเรือและรถของบริษัทในเครือ ทรานลี่ ในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่ได้จองทัวร์กับทางบริษัทในเครือแต่อย่างใด เนื่องจากทางบริษัท ทรานลี่ มีเรือสำรองจากบริษัทอื่นๆ มาให้บริการอยู่อยู่แล้ว เช่นเดียวกับในส่วนของรถบัสก็ได้มีการประสานขอใช้รถบัสจากสมาคมท่องเที่ยวอันดามัน มารับรับส่งนักท่องเที่ยวแทนในช่วงที่เจ้าหน้าที่ยึดรถไปตรวจสอบ
สำหรับบริษัท ไท่ลี่ หรือทรานลี่ เทรเวล จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งเรือนำเที่ยว รถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก สปา ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ซึ่งมีนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม หรือนายไอ่สาม เสียงสี และนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล (อยู่ระหว่างหลบหนี) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่ขณะนี้ถูกศาลจังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับ เนื่องจากเป็นบุคคลต่างด้าว แต่อ้างว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทยให้เจ้าหน้าที่ออกบัตรประชาชนแล้วนำไปจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจนำเที่ยวถึง 17 บริษัท พร้อมทั้งมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นนอมินีให้ทุนต่างชาติ โดยดำเนินคดีต่อสองผู้ถือหุ้นใหญ่ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.บัตรประชาชน และ ป.อาญา-แจ้งความเท็จ ให้เจ้าพนักงานทะเบียนข้อความอันเป็นเท็จ
สำหรับ 17 บริษัทในเครือทรานลี่ ประกอบด้วย บริษัท ทรานลี่ เทรเวล จำกัด , บริษัท หยางกวง จำกัด , บริษัท แมนตา มารีน จำกัด , บริษัท ภูเก็ต ปิง เฟรนด์ จำกัด , บริษัท เหมยลี จำกัด , บริษัท ภูเก็ต บลู เฮเว่น โดฟ์วิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด , บริษัท เคนย่า แอนด์ แฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , บริษัท ไท่ลี่ อิมพอร์ต จำกัด , บริษัท ที.แอล เบทเตอร์เวย์ จำกัด , บริษัท อินทรีมารีน จำกัด , บริษัท บลู เวฟ เวฟ รีสอร์ท จำกัด , บริษัท บลูเบย์ รีสอร์ท จำกัด , บริษัท เนเซอรัล เบย์ จำกัด , บริษัท เวนิส ซีวิว จำกัด , บริษัท ราชาสปา จำกัด , บริษัท สบันงาสปา จำกัด และบริษัท เซียน ซาบู ซาบู จำกัด
โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตรวจสอบ พบว่า กลุ่มบริษัทในเครือทรานลี่ มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นนอมินี จึงได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2559 ที่ผ่านมา และในวันเดียวกัน นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูเก็ต และได้รับการประกันตัว และดำเนินการปิดล้อมจับกุมตรวจสอบบริษัทในเครือ ทรานลี่ มาโดยตลอด จนถึงขณะนี้สามารถยึดรถยนต์มาตรวจสอบแล้ว 117 คัน เรือ 35 ลำ ที่ดินในจังหวัดภูเก็ต 3 แปลง และยังตรวจสอบพบว่า บริษัท บลูรีสอร์ท จำกัด ก่อสร้างห้องพักเกินจำนวนที่ขออนุญาตจาก 76 ห้อง เป็น 330 ห้อง และดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาอั้งยี่ และให้ทาง ปปง.เข้าตรวจสอบยึดทรัพย์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวานนี้ (6 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต , พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธคณานนท์ ผบก. สส.ภ.8 , พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว , นายสุธรรม เดชดี รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว พร้อมด้วยตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ทหารบก ทหารเรือ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สนธิกำลังเข้าตรวจสอบทรัพย์สิน และเส้นทางการเงินของบริษัทต่างๆ ซึ่งเป็นเครือข่ายบริษัท ทรานลี่ เทรเวล จำกัด หรือบริษัท ไทลี ที่มีนายกชกร รุ่งมงคลนาม และนายวีรชัย คำไผ่ประพันธ์กุล เป็นเจ้าของ และถูกศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับ ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าว แต่อ้างว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทยให้เจ้าหน้าที่ออกบัตรประชาชน และนำไปจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจนำเที่ยว
โดยการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ ได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกเป็น 3 ชุด ประกอบด้วย ชุดตรวจสอบกิจการที่เกี่ยวข้องต่อการขนส่งทางเรือ และยานพาหนะนำเที่ยวทางทะเล ซึ่งจุดนี้นำโดย พ.ต.อ.ภรศักดิ์ นวลหนู รอง ผบก.สส.ภ.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักรวรรรดิ์ บุญทวีกุลสวัสดิ์ ผกก.ปท.บก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.อักนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสตร์ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ทหารบก มทบ.41 ทหารเรือ เจ้าหน้าที่จาก ปปง.นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจค้นบริษัทอินทรีมารีน จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากการตรวจสอบในครั้งนี้มีการตรวจยึดเรือที่ให้บริการนำเที่ยวไว้ตรวจสอบ จำนวน 29 ลำ รวมทั้งเอกสารทางบัญชี และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยง
ส่วนจุดที่ 2 ชุดตรวจค้นนำโดย พ.ต.ท.ปองภพ ประสพพิชัย สารวัตรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจจังหวัดภูเก็ต ทหารเรือ ทหารบกจาก มทบ.41 เจ้าหน้าที่ ปปง. นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต ตรวจค้นที่บริษัท ที.แอล.เบทเตอร์เวย์ จำกัด ในพื้นที่เกาะสิเหร่ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับการขนส่งทางบก (รถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว) เพื่อตรวจยึดรถ และเอกสารต่างๆ ไปตรวจสอบ ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถบัส จำนวน 53 คัน ไว้ทำการตรวจสอบ
ขณะที่จุดที่ 3 ทางเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสอบที่บริษัท ราชา สปา จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านภูเก็ตวิลล่า 5 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต จุดนี้ นำโดย พ.ต.ท.รัฐเขต มั่นเมือง สารวัตรสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเพื่อตรวจยึดเอการที่เกี่ยวกับบัญชี เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน
พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นบริษัทที่เกี่ยวข้องต่อบริษัท ทรานลี่ เทรเวล จำกัด ในครั้งนี้ เป็นการสนธิกำลังร่วมกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยผลการตรวจค้นในเบื้องต้น ได้มีการตรวจยึดเรือสปีดโบต จำนวน 29 ลำ รถบัส จำนวน 53 คัน เพื่อไปทำการตรวจสอบ แต่ในการตรวจยึดทั้งเรือและรถของบริษัทในเครือ ทรานลี่ ในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่ได้จองทัวร์กับทางบริษัทในเครือแต่อย่างใด เนื่องจากทางบริษัท ทรานลี่ มีเรือสำรองจากบริษัทอื่นๆ มาให้บริการอยู่อยู่แล้ว เช่นเดียวกับในส่วนของรถบัสก็ได้มีการประสานขอใช้รถบัสจากสมาคมท่องเที่ยวอันดามัน มารับรับส่งนักท่องเที่ยวแทนในช่วงที่เจ้าหน้าที่ยึดรถไปตรวจสอบ
สำหรับบริษัท ไท่ลี่ หรือทรานลี่ เทรเวล จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งเรือนำเที่ยว รถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก สปา ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ซึ่งมีนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม หรือนายไอ่สาม เสียงสี และนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล (อยู่ระหว่างหลบหนี) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่ขณะนี้ถูกศาลจังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับ เนื่องจากเป็นบุคคลต่างด้าว แต่อ้างว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทยให้เจ้าหน้าที่ออกบัตรประชาชนแล้วนำไปจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจนำเที่ยวถึง 17 บริษัท พร้อมทั้งมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นนอมินีให้ทุนต่างชาติ โดยดำเนินคดีต่อสองผู้ถือหุ้นใหญ่ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.บัตรประชาชน และ ป.อาญา-แจ้งความเท็จ ให้เจ้าพนักงานทะเบียนข้อความอันเป็นเท็จ
สำหรับ 17 บริษัทในเครือทรานลี่ ประกอบด้วย บริษัท ทรานลี่ เทรเวล จำกัด , บริษัท หยางกวง จำกัด , บริษัท แมนตา มารีน จำกัด , บริษัท ภูเก็ต ปิง เฟรนด์ จำกัด , บริษัท เหมยลี จำกัด , บริษัท ภูเก็ต บลู เฮเว่น โดฟ์วิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด , บริษัท เคนย่า แอนด์ แฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , บริษัท ไท่ลี่ อิมพอร์ต จำกัด , บริษัท ที.แอล เบทเตอร์เวย์ จำกัด , บริษัท อินทรีมารีน จำกัด , บริษัท บลู เวฟ เวฟ รีสอร์ท จำกัด , บริษัท บลูเบย์ รีสอร์ท จำกัด , บริษัท เนเซอรัล เบย์ จำกัด , บริษัท เวนิส ซีวิว จำกัด , บริษัท ราชาสปา จำกัด , บริษัท สบันงาสปา จำกัด และบริษัท เซียน ซาบู ซาบู จำกัด
โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตรวจสอบ พบว่า กลุ่มบริษัทในเครือทรานลี่ มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นนอมินี จึงได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2559 ที่ผ่านมา และในวันเดียวกัน นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูเก็ต และได้รับการประกันตัว และดำเนินการปิดล้อมจับกุมตรวจสอบบริษัทในเครือ ทรานลี่ มาโดยตลอด จนถึงขณะนี้สามารถยึดรถยนต์มาตรวจสอบแล้ว 117 คัน เรือ 35 ลำ ที่ดินในจังหวัดภูเก็ต 3 แปลง และยังตรวจสอบพบว่า บริษัท บลูรีสอร์ท จำกัด ก่อสร้างห้องพักเกินจำนวนที่ขออนุญาตจาก 76 ห้อง เป็น 330 ห้อง และดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาอั้งยี่ และให้ทาง ปปง.เข้าตรวจสอบยึดทรัพย์ต่อไป