xs
xsm
sm
md
lg

รอง.ผบ.ตร.ลงภูเก็ตจี้คดีนอมินี สั่งปิดแล้ว 6 บริษัทเครือข่ายทรานลี่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รอง.ผบ.ตร.ลงภูเก็ต ลงติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีนอมินิ ยันจะต้องสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือใครก็ตาม ขณะที่การตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบมีการสั่งปิดบริษัทในเครือทรานลี่ แล้ว 6 แห่ง

วันนี้ (5 ก.ค.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. (มค) กล่าวภายหลังนำเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา ที่กองบังกับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อมาติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี และตรวจสอบเครือขายบริษัท ทรานลี่ เทรเวล จำกัด ซึ่งมีนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม หรือนาย ไอ่สาม เสียงลี เป็นผู้บริหารบริษัท ทรานลี่ เทรเวล จำกัด และถูกศาลจังหวัดภูเก็ต เลขที่ 403/2559 และนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล ผู้บริหารบริษัท ทรานลี่ เทรเวล จำกัด ซึ่งถูกศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับเลขที่ 409/2559 ในความผิด “เป็นบุคคลต่างด้าวแต่อ้างว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทยให้เจ้าหน้าที่ออกบัตรประชาชนและนำไปจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจนำเที่ยว” ซึ่งเข้าข่ายนอมินี โดยในส่วนของ นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ตไปแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการประกันตัว ส่วนนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล กำลังอยู่ระหว่างการหลบหนี

ในการประชุมครั้งนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวด สืบสวนถึงใครจะต้องดำเนินคดีทั้งหมด ในส่วนของบริษัทที่เป็นเครือข่ายของบริษัท ทรานลี่ เทรเวล จำกัด หรือบริษัทไทลี่ ที่มีอยู่ทั้งหมด 17 บริษัท ขณะนี้ในส่วนของสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ภาคใต้เขต ได้ทำการตรวจสอบ และสั่งปิดกิจการไปแล้ว จำนวน 6 บริษัท ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเที่ยว ที่พัก รถ ร้านอาหาร มัคคุเทศก์ ขายสินค้า ธุรกิจสปา หากตรวจพบว่ามีกิจการใดยังลงเปิดให้บริการถือว่าเป็นการทำความผิดซ้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องเข้าไปดำเนินคคีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

โดยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้บูรณาการปิดล้อมตรวจค้นทรัพย์สินของเครือข่ายบริษัทดังกล่าวไปแล้วหลายรายการ ซึ่งประกอบด้วย รถยนต์ จำนวน 117 คัน เรือ 35 ลำ ที่ดินในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 3 แปลง ผลการดำเนินการพบว่า จากการตรวจสอบที่ดินบริษัท บลูเบย์ รีสอร์ท จำกัด จ.พังงา พบว่า มีการก่อสร้างห้องพักเกินจำนวนที่ขออนุญาต จาก 76 ห้อง เป็น 330 ห้อง พบไกด์เถื่อน จำนวน 21 คน ในส่วนของเรือมีใช้ ติดตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต 4 ลำ ขณะที่รถทัวร์พบพนักงานขับรถแต่งกายไม่เรียบร้อย อุปกรณ์ไม่ครบ จำนวน 2 คัน สำหรับทรัพย์สินที่เกี่ยวของต่อบริษัทดังกล่าวมีจำนวนหลายร้อยล้านบาท

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา และผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นได้สั่งการไปแล้วให้ดำเนินคดีถึงที่สุด หากสอบสวนมีผลไปถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นอดีตนักการเมือง หรือคนมีสีก็จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด และว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่มีการไว้หน้าใครแน่นอน นอกจากนั้นจะต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และการจดทะเบียนของบริษัทที่มีการปกปิดรายได้ที่จ่ายให้รัฐว่า เงินที่ได้จากการทำธุรกิจหายไปไหน ซึ่งได้มอบหมายให้ทางกองปราบดูแลว่าเงินหายออกจากประเทศไปได้อย่างไร

ส่วนการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหานั้นยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่มแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้เชื่อว่ายังอยู่ในประเทศ ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องถ้าตรวจพบว่ามีใครเกี่ยวข้องเข้ามาเป็นนอมินิถือหุ้นไม่เกิน 50% ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด ซึ่งวันนี้ (5 ก.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบจับกุมบริษัทที่เปิดให้บริการโชว์งู บริเวณซอยนากก หมู่ 5 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบว่า ยังมีการจัดแสดงโชว์งูให้นักท่องเที่ยวชมอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า มีงูจำนวนมาก แต่ทางเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดงูเหลือมได้ จำนวน 7 ตัวเท่านั้น เนื่องจากเป็นงูที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน

อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบบริษัทที่มีนอมินีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้นจะมีการดำเนินการต่อเนื่อง เพราะภูเก็ตเป็นพื้นที่เป้าหมายที่มีนอมินีเข้าไปเกี่ยวข้องหลายบริษัท โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ และดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น