พีทีที โกลบอลฯ ตั้งเป้าปีหน้าโต 17% หลังจากโครงการใหม่ทยอยแล้วเสร็จในครึ่งหลังปีนี้ ดันกำไรโตขึ้น เผยเร่งทำตลาดส่งออกอาเซียนเพิ่ม และลดการส่งออกไปจีน หวังรับมือเม็ดพลาสติกจากสหรัฐฯ ทะลักสู่ตลาดโลกในอีก 2 ปีข้างหน้า
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTGC) เปิดเผยว่าปีหน้าบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 17% จากปีนี้ หลังโครงการใหม่ 4 โครงการเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2559 ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 7% จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ 8.75 ล้านตัน/ปี
“ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ จะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน 2 เดือนหลังจากปิดซ่อมบำรุงโรงงานโอเลฟินส์ขนาด 1 ล้านตันเมื่อไตรมาสที่ 1 ไปแล้ว ทำให้ปีหน้าบริษัทไม่มีแผนปิดซ่อมบำรุงโรงงานอีกจึงสามารถเดินเครื่องจักรได้เต็มปี”
โดยโครงการที่จะผลิตเชิงพาณิชย์ประกอบด้วย โครงการอะโรเมติกส์ 2 กำลังการผลิตเพิ่ม 1.7 แสนตัน/ปี แล้วเสร็จในเดือน พ.ค.นี้ โครงการฟีนอล 2 กำลังการผลิตเพิ่ม 4.05 แสนตัน/ปี แล้วเสร็จ พ.ค. 59 โครงการเวนคอเร็กซ์ ประเทศไทย กำลังการผลิต HDI (เฮกซาเมทิลีน ไดไอโซไซยาเนต) 1.2 หมื่นตัน/ปี ซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นทางอุปกรณ์รถยนต์และวัสดุก่อสร้าง แล้วเสร็จไตรมาส 3/2559 และโครงการเวนคอเร็กซ์ที่ฝรั่งเศส มีกำลังการผลิต HDI โมโนเมอร์ 7 หมื่นตัน/ปี แล้วเสร็จในไตรมาส 3/2559
ส่งผลให้ครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา ทำให้ปีนี้มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ต่างๆ อีก 2.1 พันล้านบาท และปีถัดไปจะมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 พันล้านบาท
นายสุพัฒน์พงษ์กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานที่มาบตาพุด (Map Ta Phut Retrofit) โดยมีแผนจะตั้งโรงงานแนฟทาแครกเกอร์ มีกำลังการผลิตเอทิลีน 5 แสนตัน/ปีและ โพรพิลีน 2.61 แสนตันโดยใช้แนฟธาที่เคยส่งออกมาเป็นวัตถุดิบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารประมูล และจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2561 แล้วเสร็จในปี 2563
ส่วนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่สหรัฐฯ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดโครงการและเจรจากับพันธมิตรเพิ่มเติมคาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในสิ้นปีนี้ โดยมูลค่าการก่อสร้างจะรู้ผลใน 3-4 เดือนข้างหน้า
ภาพรวมตลาดปิโตรเคมีในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกจากสหรัฐฯ เข้ามาสู่ตลาดโลก 4-5 ล้านตัน บริษัทจึงได้วางแผนขยายตลาดการใช้เม็ดพลาสติกในประเทศอาเซียน ซึ่งเดิมบริษัทเคยส่งออกเม็ดพลาสติกไปอาเซียนเพียง 3% ล่าสุดเพิ่มเป็น 5% และอีก 2 ปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% ขณะที่ตลาดส่งออกไปจีนลดลงจาก 17% เหลือเพียง 10% โดยปัจจุบันอาเซียนมีความต้องการใช้เม็ดพลาสติกเฉลี่ยปีละ 6 ล้านตัน โดยเฉลี่ยปีละ 8%