“พาณิชย์” เผยสินค้าไทยถูกหลายประเทศใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าเพียบ ทั้งการตอบโต้การทุ่มตลาด การใช้มาตรการเซฟการ์ด ทำต้นทุนพุ่ง สูญเสียศักยภาพแข่งขัน เหตุต้องเสียทั้งภาษีนำเข้าในอัตราสูง แนะศึกษากฎระเบียบให้ดีก่อนส่งออก
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2559 ต่างประเทศได้ใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าต่อสินค้าไทยหลายรายการ โดยมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) ในหลายสินค้า และจนถึงปัจจุบัน ถูกใช้มาตรการเอดีแล้ว 45 รายการ และยังถูกใช้มาตรการป้องกันการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) 16 รายการ ซึ่งประเทศที่ใช้มีทั้งตลาดสำคัญ ตลาดใหม่ และตลาดที่มีศักยภาพในการส่งออกของไทย ซึ่งทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้น ดังนั้น ต้องดำเนินการส่งออกอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ผิดระเบียบทางการค้าจนถูกใช้มาตรการ
สำหรับมาตรการตอบโต้ทางการค้าที่หลายประเทศดำเนินการต่อสินค้าไทย ที่กรมฯ รวบรวมได้ในปี 2559 ได้แก่ อินเดีย เปิดไต่สวนการทุ่มตลาด (เอดี) สินค้ากลุ่มยาง และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์, ปากีสถาน ไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้า Certain Uncoated writhing, ออสเตรเลีย เปิดไต่สวนกระดาษ A4 และสินค้า Quicklime เมื่อ 18 เม.ย.
ส่วนกลุ่มสินค้าที่ถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป ได้แก่ อินเดีย ต่ออายุการเก็บอากรเอดีสินค้ากลุ่มสิ่งทอ (Nylon Filament Yarn) จากไทยต่อที่อัตรา 1.06-1.51 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัม หลังจากเริ่มเก็บอากรเอดีมาตั้งแต่ปี 54, ตุรกี ประกาศต่ออายุการเก็บอากรเอดีสินค้าข้อต่อท่อเหล็ก หลังจากใช้มาตรการมาตั้งแต่ปี 2555
ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบันมีสินค้าไทยที่ถูกเรียกเก็บอากรเอดีทั้งสิ้น 45 รายการ เช่น เม็ดพลาสติก เส้นใยสังเคราะห์ เหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น โดย 14 ประเทศ เช่น อินเดีย จีน มาเลเซีย สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา บราซิล แคนาดา เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย ส่วนสินค้าที่อยู่ระหว่างถูกต่างประเทศเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการเอดี มี 13 รายการ เช่น โลหะ ลูกเทนนิส โดย 7 ประเทศ เช่น อินเดีย อาร์เจนตินา และสินค้าที่อยู่ระหว่างเปิดทบทวนเพื่อต่ออายุมาตรการเอดี หรือทบทวนเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราอากรเอดี รวม 18 รายการ เช่น ถุงพลาสติกชนิดใช้หิ้ว กุ้งแช่แข็ง เครื่องปรับอากาศ โดย 7 ประเทศ เช่น สหรัฐฯ ตุรกี ออสเตรเลีย
นายอดุลย์ กล่าวว่า ในส่วนมาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) มีสินค้าไทยที่อยู่ระหว่างถูกเรียกเก็บอากรเซฟการ์ด ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2559 ได้แก่ เวียดนาม ประกาศเก็บอากรเซฟการ์ดสินค้าผงชูรส โดยในปีนี้ซึ่งเป็นปีแรก เรียกเก็บอัตรา 4.39 ล้านด่องต่อตัน และให้มีอัตราลดลงแบบขั้นบันไดในอีก 2-4 ปีข้างหน้า, อินเดีย ประกาศใช้เซฟการ์ดต่อสินค้าเหล็กอัลลอย กำหนดอากรในปีแรกที่ 20% และค่อยๆ ลดลงเป็นขั้นบันไดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
โดยปัจจุบัน ไทยถูกเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการเซฟการ์ดใน 16 รายการสินค้า เช่น ขวดแก้ว เครื่องใช้ในครัวกลุ่มเซรามิก กระดาษ และเหล็ก จากยูเครน อินโดนีเซีย อียิปต์ ตูนิเซีย อินเดีย เวียดนาม ชิลี เป็นต้น
“กรมฯ จะทำหน้าที่ประสานงานระหว่างเอกชนที่ถูกกล่าวหา และใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้า ทั้งรูปแบบการให้ความรู้ และให้คำแนะนำกระบวนการไต่สวน การประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ลดผลกระทบไม่ให้นำไปสู่การประกาศใช้มาตรการตอบโต้ หรือบางกรณีก็สามารถยุติการไต่สวนได้” นายอดุลย์ กล่าว