ครม.เห็นชอบลดค่าก่อสร้างสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เหลือ 82,907 ล้าน หลัง รฟม.ปรับลดสิ่งฟุ่มเฟือย เร่งเปิดประมูลใน 2 เดือน เริ่มตอกเข็มในปีนี้ ขณะที่ตีกลับผลเจรจาจ้าง BEM เดินรถ 1 สถานีช่วงเตาปูน-บางซื่อ ระยะเวลา 2 ปี สั่ง กก. 13 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 เจรจาใหม่ ระบุสัญญาจ้างต้องถึงปี 72 พอดีกับสัมปทานสายเฉลิมรัชมงคล ส่วนเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินรอ กก. PPP เห็นชอบ คาดเสนอ ครม.ใน พ.ค.นี้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 เม.ย.) ได้เห็นชอบกรอบวงเงินค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 21.2 กม. ตามที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เสนอที่ 82,907 ล้านบาท แบ่งเป็นค่างานโยธา 76,632 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 2,789 ล้านบาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด (Provisional Sum) 3,486 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากกรอบวงเงินเดิมที่ 85,483 ล้านบาท ลง 2,576 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาและค้ำประกันแหล่งเงินกู้ ส่วนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 9,625 ล้านบาท ครม.ได้เห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2558 โดย ครม.ได้ให้ รฟม.เร่งรัดประกวดราคาภายใน 2 เดือนหรือในเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อให้สามารถเริ่มการก่อสร้างในปี 2559 ซึ่งจะหารือกับ รฟม.เพื่อปรับตารางการดำเนินงานและเร่งทำราคากลางโดยเร็ว
ทั้งนี้ การปรับลดกรอบค่าก่อสร้างดังกล่าว รฟม.ได้ลดค่าก่อสร้างที่ไม่จำเป็นและฟุ่มเฟือย ประกอบด้วย 1. ปรับฐานราคาวัสดุจากเดิมคำนวณราคาในเดือน เม.ย. 2558 ให้เป็นราคาเดือน พ.ย. 2558 สามารถลดค่าก่อสร้างได้ 951 ล้านบาท 2. ปรับลดพื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุง ลด Platform & Stabling Yard ส่วนตะวันตก ซึ่งจะสร้างภายหลัง สามารถลดค่าก่อสร้างได้ 649.70 ล้านบาท 3. ปรับฝ้าเพดาน (หลังคา สถานียกระดับ) โดยยกเลิกฝ้าใต้หลังคาที่ชั้น Platform ทั้งหมด และเพิ่ม Louver บริเวณ Skylight ซึ่งจะทำให้เห็นท่อร้อยสายไฟและอุปกรณ์อื่นๆ สามารถลดค่าก่อสร้างได้ 250.84 ล้านบาท 4. ผนังภายในสถานีใต้ดินจากแกรนิตเป็นกระเบื้อง Homogeneous ซึ่งจะมีอายุใช้งานลดลง แตกหักง่ายกว่า โดยสามารถลดค่าก่อสร้างได้ 225.26 ล้านบาท 5. ฝ้าเพดานสถานีใต้ดินโดยลดความหนาลง ลดค่าก่อสร้างได้ 305.20 ล้านบาท ทำให้โดยรวมปรับลดค่าโยธาลงได้ 2,382 ล้านบาท โดยไม่กระทบต่อการให้บริการและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล โดยรวมจะใช้วัสดุในประเทศ 94% นำเข้า 6% เช่น บันไดเลื่อน ลิฟต์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ครม. และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเห็นว่า การก่อสร้างอาคารจอดแล้วจรนั้นควรให้เอกชนเข้ามาลงทุนงานก่อสร้าง และให้ รฟม.ไปพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่สองข้างทางตลอดแนวเส้นทางว่าควรมีอาคารจอดแล้วจรเพิ่มหรือไม่
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ระยะทาง 21.2 กม. (โครงสร้างใต้ดิน 12.2 กม.,ยกระดับ 9 กม.) มี 17 สถานี (ใต้ดิน 10 สถานี, ยกระดับ 7 สถานี) มูลค่าโครงการ 92,532 ล้านบาท
***สั่ง รฟม.เจรจาจ้าง BEM เดินรถ 1 สถานีถึงปี 72
นายอาคมกล่าวว่า นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติไม่เห็นด้วยกับผลการเจรจาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สัญญา 5 (งานเดินรถ 1 สถานี) ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ระยะทาง 1 กม. ของคณะกรรมการ มาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35) กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ซึ่งได้เสนอว่าจ้าง BEM เดินรถเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยให้กระทรวงคมนาคมและ กก.มาตรา 13 ดำเนินการตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2557 ที่ให้ระยะเวลางานเดินรถ 1 สถานี เท่ากับระยะเวลาสัญญาสัมปทานของรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลที่จะครบสัญญาในปี 2572 ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์เดิม เพื่อให้ช่วงเตาปูน-บางซื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสายเฉลิมรัชมงคล ดังนั้น คณะ กก.มาตรา 13 จะต้องไปเจรจากับ BEM ใหม่
ทั้งนี้ กก.มาตรา 13 จะต้องปฏิบัติตามมติ ครม. เพราะตามข้อกฎหมายเมื่อ กก.มาตรา 13 เสนอเรื่องไปแล้ว ครม.เห็นเป็นอย่างไรต้องปฏิบัติตามนั้น ซึ่งต้องรอผลการเจรจาอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่ง ครม.ไม่ได้กำหนดว่าจะให้สรุปเสนอกลับไปเมื่อใด แต่ควรจะต้องเร็วที่สุด เพราะส่วน 1 สถานีนี้จะเกี่ยวข้องกับการเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ที่จะเปิดให้บริการประมาณปี 2562ด้วย ซึ่งขณะนี้รอคณะกรรมการ PPP อนุมัติ โดยคาดว่าจะเสนอ ครม.พิจารณาได้ในเดือน พ.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ทาง BEM ยืนยันไม่สามารถรับจ้างเดินรถ 1 สถานีได้ถึงปี 2572 ซึ่ง กก. มาตรา 13 ได้เจรจาโดยคำนึงถึงรอยต่อกับสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่จะเปิดเดินรถในปี 2562 จึงขยายเวลาจ้างเดินรถเป็น 2 ปี โดย BEM จะติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ระบบสื่อสารระบบตั๋วโดยสารที่สถานีเตาปูน วงเงินลงทุน 693 ล้านบาท ระยะเวลา 15 เดือน บริหารการเดินรถ 24 เดือน หรือ 2 ปี วงเงินค่าจ้างปีละ 52 ล้านบาท