“ชลณัฐ” ยันโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ มูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่เวียดนาม สรุปหาพันธมิตรร่วมทุนได้กลางปีนี้ แต่ก็พร้อมเจรจาผู้รับเหมาก่อสร้างหากยังไร้ข้อสรุป มิ.ย.นี้ เชื่อว่าไม่มีผลทำให้ต้องมีการประมูลก่อสร้างใหม่
นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีซี เคมิคอลส์ ในเครือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยความคืบหน้าการลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ในเวียดนาม มูลค่าเงินลงทุน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐว่า ขณะนี้มีบริษัทที่สนใจหลายรายต้องการเข้ามาร่วมทุนในโครงการดังกล่าวแทนบริษัท กาตาร์ ปิโตรเลียม อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ถอนการลงทุนออกไป 25% โดยอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะคัดเลือกพันธมิตรเพียงรายเดียวเข้ามาถือหุ้นดังกล่าวได้ภายในกลางปีนี้
แม้ว่ากาตาร์ ปิโตรเลียมจะถอนการลงทุนในโครงการดังกล่าวไป แต่ยืนยันว่าไม่เกิดความเสี่ยงด้านการจัดหาวัตถุดิบ เนื่องจากพันธมิตรรายใหม่นี้จะช่วยในการจัดหาแนฟทา ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ เนื่องจากโครงการลงทุนต่างๆยังเหมือนเดิม โดยโรงโอเลฟินส์จะใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตโดยบริษัทได้มีการเปิดให้ผู้รับเหมาก่อสร้างได้ยื่นประมูลการก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยมาตั้งแต่ปลายปี 2558
อย่างไรก็ตาม หากยังไม่สามารถสรุปพันธมิตรร่วมทุนได้ทันภายในกลางปีนี้ บริษัทฯ ก็จะสามารถเจรจากับผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการเพื่อเลื่อนระยะเวลาดำเนินงานได้โดยไม่ต้องเปิดประมูลใหม่ ซึ่งจะให้การลงทุนต้องล่าช้าออกไปกว่าเดิม
นายชลณัฐกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทางบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตโอเลฟินส์ และโพลีโอเลฟินส์ในอินโดนีเซียที่ปูนซิเมนต์ไทยเข้าไปถือหุ้น 30% มีแผนที่จะขยายการลงทนปิโตรเคมีขั้นปลายเพิ่มเติม ภายหลังจากโครงการขยายกำลังการผลิตเอทิลีนจาก 6แสนตันเพิ่มเป็น 8.6 แสนตัน/ปี แล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2558 ซึ่งเรื่องนี้ทางคณะกรรมการบริษัท CAP อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยางสังเคราะห์ที่อินโดนีเซีย ซึ่งได้ร่วมลงทุนกับ Compagnie Financiere du groupe Michelin คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561
ทั้งนี้ โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในเวียดนาม ดำเนินการภายใต้ชื่อโครงการ Long Son Petrochemicals ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ล่าสุดได้ประมูลคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ แต่เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว โดยโครงการนี้ทางกลุ่มปูนซิเมนต์ไทยจะถือหุ้น 46% เวียดนาม 29% และ QPI Vietnam (QPIV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Qatar Petroleum International 25% แต่เมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างหนักทำให้ QPIV ตัดสินใจถอนการลงทุนในโครงการดังกล่าว ทำให้ปูนซิเมนต์ไทยต้องเร่งหาพันธมิตรใหม่เข้ามาทดแทน ขณะที่สัญญาการรับเหมาก่อสร้างจะมีอายุถึงประมาณกลางปี 2559 ซึ่งหากโครงการไม่สามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในกลางปีนี้ก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดประมูลเพื่อหาผู้รับเหมาใหม่ต่อไป