เยอรมนีชมไทยปลดล็อกบัญชีแนบท้ายกฎหมายต่างด้าว “อภิรดี” สบช่องดึงเข้ามาลงทุนเพิ่ม

เยอรมนีชมไทยปรับปรุงบัญชีแนบท้ายกฎหมายคนต่างด้าว ปลดธุรกิจธนาคารและประกันไม่ต้องขออนุญาต จะช่วยส่งเสริมให้มีการเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น เผยยังสนใจเข้ามาช่วยไทยปฏิรูปภาคการเกษตร “อภิรดี” สบช่องดึงเข้ามาลงทุน ใช้ไทยเป็นฐานเจาะตลาดอาเซียน

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายเพเทอร์ พรือเกิล เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ว่าทูตเยอรมนีได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยและชื่นชมการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มีการปรับปรุงประเภทธุรกิจบัญชีท้าย พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 โดยกำหนดให้คนต่างด้าวที่ต้องการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจสำนักงานผู้แทนธนาคาร ธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันวินาศภัย ไม่ต้องขออนุญาตประกอบธุรกิจที่กระทรวงพาณิชย์

“เยอรมนีเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าว เป็นการส่งเสริมให้นักลงทุนเยอรมนีเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนร่วมพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ เยอรมนียังได้แสดงความสนใจเป็นพิเศษในการปฏิรูปภาคการเกษตรของไทย เพราะเยอรมนีมีความพร้อมและมีความเชี่ยวชาญเรื่องการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยกำลังให้การสนับสนุน โดยทั้งสองฝ่ายจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการปฏิรูปภาคการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการสินค้าเกษตรอย่างครบวงจร เพื่อช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรให้ดียิ่งขึ้นต่อไป โดยใช้องค์ความรู้จากนโยบายเกษตรร่วมของสหภาพยุโรป

นางอภิรดีกล่าวว่า ไทยยังได้เชิญชวนฝ่ายเยอรมนีให้มาลงทุนในไทย โดยให้ไทยเป็นฐานการลงทุนไปสู่ประเทศในภูมิภาคอาเซียน 10 ประเทศ โดยเฉพาะไทยอยู่ระหว่างการเร่งยกระดับโครงสร้างเครือข่ายการคมนาคมขนส่งที่เน้นการพัฒนาระบบรถไฟรางคู่ใหม่ทั่วประเทศ รวมทั้งเส้นทางถนน North-South Corridor และ East-West Corridor เพื่อเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้สามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน 10 ประเทศ รวมถึงจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ของโลก อันจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อไทยและนักลงทุนเยอรมนี

สำหรับเยอรมนีเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญที่สุดประเทศหนึ่งของไทย โดยในปี 2558 เยอรมนีเป็นคู่ค้าอันดับ 13 ของไทย เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในสหภาพยุโรป มีมูลค่าการค้ากว่า 9,834.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเยอรมนีลงทุนในไทยมากเป็นอันดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศอียู รองจากลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร