กลุ่มผู้ค้าตลาดทางรถไฟหัวหิน ยื่นหนังสือถึง “ประยุทธ์” สอบสัญญานายทุนเช่าพื้นที่ ร.ฟ.ท.ถูกต้องหรือไม่ หลังเจอลักไก่หลอกจ่ายค่าที่ทั้งที่หมดสัญญาตั้งแต่ปี 52 แถมไม่ยอมรับการปรับอัตราใหม่ ร.ฟ.ท. ยันผู้ค้าพร้อมทำสัญญาการ ร.ฟ.ท.
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ฝั่งสำนักงาน ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดทางรถไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้ชื่อกลุ่มว่า “กลุ่มพิทักษ์มวลชนหัวหิน (บ่อนไก่) นำโดย น.ส.สุนันทา แซ่ซิ้ม ประธานกลุ่มฯ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณีได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการเช่าที่ขายของในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ทำสัญญากับนายทุนมาตั้งแต่ปี 2549 จนกระทั่งนายทุนซึ่งเป็นนายทหารยศพันโทได้เสียชีวิตจึงทำให้พ่อค้าแม่ค้าทราบว่าสัญญากับการรถไฟฯ หมดตั้งแต่ปี 2552 แต่นายทุนยังคงเก็บค่าเช่าตามปกติโดยมีภรรยาของนายทุนมาดำเนินการต่อ และล่าสุดการรถไฟฯ มีการปรับอัตราค่าเช่าพื้นที่จาก 148,834 บาทต่อปี เป็น 476,006 บาทต่อปี และปรับขึ้น 5% ของราคาเดิมทุกปี ซึ่งกลุ่มนายทุนที่พวกตนเช่าพื้นที่ต่อไม่ยอมรับอัตราค่าเช่าใหม่ของการรถไฟฯ และยืนยันจะจ่ายค่าเช่าในอัตราเดิม อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่มาไกล่เกลี่ยขอให้ยุติการจ่ายค่าเช่ากับนายทุนไปก่อน เพราะการรถไฟฯ ไม่ได้รับรายได้ดังกล่าวจากนายทุนแต่อย่างใด อีกทั้งจะเริ่มมีการเริ่มโครงการรื้อถอนเวนคืนพื้นที่เพื่อก่อสร้างรถไฟรางคู่ในอีก 6 เดือนข้างหน้าด้วย แต่ปรากฏว่ายังมีพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ได้รับค่าเวนคืนและค่ารื้อถอนใดใด
“ดังนั้นจึงต้องการให้นายกรัฐมนตรีช่วยตรวจสอบเอกสารสัญญาเช่าจากนายทุนว่ามีการเช่าพื้นที่กับการรถไฟฯ ด้วยความถูกต้องหรือไม่ เพราะพ่อค้าแม่ค้าในกลุ่มฯ ทุกคนยินดีทำสัญญากับการรถไฟฯ โดยตรง และให้เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ มาดูแลจนกว่าโครงการรถไฟรางคู่จะเริ่ม”
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ฝั่งสำนักงาน ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดทางรถไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้ชื่อกลุ่มว่า “กลุ่มพิทักษ์มวลชนหัวหิน (บ่อนไก่) นำโดย น.ส.สุนันทา แซ่ซิ้ม ประธานกลุ่มฯ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณีได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการเช่าที่ขายของในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ทำสัญญากับนายทุนมาตั้งแต่ปี 2549 จนกระทั่งนายทุนซึ่งเป็นนายทหารยศพันโทได้เสียชีวิตจึงทำให้พ่อค้าแม่ค้าทราบว่าสัญญากับการรถไฟฯ หมดตั้งแต่ปี 2552 แต่นายทุนยังคงเก็บค่าเช่าตามปกติโดยมีภรรยาของนายทุนมาดำเนินการต่อ และล่าสุดการรถไฟฯ มีการปรับอัตราค่าเช่าพื้นที่จาก 148,834 บาทต่อปี เป็น 476,006 บาทต่อปี และปรับขึ้น 5% ของราคาเดิมทุกปี ซึ่งกลุ่มนายทุนที่พวกตนเช่าพื้นที่ต่อไม่ยอมรับอัตราค่าเช่าใหม่ของการรถไฟฯ และยืนยันจะจ่ายค่าเช่าในอัตราเดิม อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่มาไกล่เกลี่ยขอให้ยุติการจ่ายค่าเช่ากับนายทุนไปก่อน เพราะการรถไฟฯ ไม่ได้รับรายได้ดังกล่าวจากนายทุนแต่อย่างใด อีกทั้งจะเริ่มมีการเริ่มโครงการรื้อถอนเวนคืนพื้นที่เพื่อก่อสร้างรถไฟรางคู่ในอีก 6 เดือนข้างหน้าด้วย แต่ปรากฏว่ายังมีพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ได้รับค่าเวนคืนและค่ารื้อถอนใดใด
“ดังนั้นจึงต้องการให้นายกรัฐมนตรีช่วยตรวจสอบเอกสารสัญญาเช่าจากนายทุนว่ามีการเช่าพื้นที่กับการรถไฟฯ ด้วยความถูกต้องหรือไม่ เพราะพ่อค้าแม่ค้าในกลุ่มฯ ทุกคนยินดีทำสัญญากับการรถไฟฯ โดยตรง และให้เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ มาดูแลจนกว่าโครงการรถไฟรางคู่จะเริ่ม”