ไพลอน ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้าง และงานฐานรากปี 59 คึกคัก ทั้งงานภาครัฐ และเอกชนเตรียมงบลงทุนเพียบ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ เช่น สายสีส้ม-ชมพู-เหลือง-ม่วง จ่อคิวรอประมูลครึ่งปีหลัง “ชเนศวร์ แสงอารยะกุล” บอสใหญ่ เผยปัจจุบัน ตุน Backlog ไว้ในมือแล้วประมาณ 600 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปี 59 นี้ 90% แถมอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่เพิ่มอีกราว 1,000 ล้านบาท คาดมีโอกาสได้รับงาน 25-30% หนุนรายได้ปีนี้โตได้ 15-20%
นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสาเข็มเจาะ) ระดับแนวหน้าของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง และงานฐานรากเสาเข็มเจาะในปี 2559 มีแนวโน้มเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ของภาครัฐบาลที่ประกาศไว้ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งเริ่มก่อสร้างในช่วงปีนี้ ประกอบกับงานโครงการรถไฟฟ้าอีก 4 สาย ซึ่งอยู่ระหว่างดูความชัดเจนเรื่องแหล่งเงินทุน และคาดว่าจะพร้อมเปิดประมูลก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งล่าช้ามาจากปี 2558 ที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรมฯ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ-มีนบุรี นอกจากนี้ การลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาคเอกชนที่เข้ามาสนับสนุนภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้าง และงานฐานรากให้คึกคักนั้นจะส่งผลให้ในปี 2559 จะเป็นปีที่ดีของ PYLON ในการได้รับอานิสงส์จากงานโครงการดังกล่าว และมีงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 นี้เป็นปีที่ PYLON มีโอกาสในการเข้าประมูลงานจากการผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าสายใหม่ จำนวน 3 สาย โครงการส่วนต่อขยายสนามบินสุวรรณภูมิ รถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมฐานราก มองว่ายังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงมีความมั่นใจว่าภาครัฐจะพยายามผลักดันโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมได้แน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมในปี 59 มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) 600 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปี 59 ประมาณ 90% นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอผลประมูลงานมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ คาดว่าจะได้งานกว่า 25-30%
“ในปี 2559 นี้การขับเคลื่อนส่วนใหญ่ก็มาจากงานโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ แต่ทั้งนี้ จะเห็นผลจริงในช่วงครึ่งหลังปี 59 และต่อเนื่องไปยังปี 60 เลย ซึ่งในช่วงครึ่งแรกปี 59 อาจจะยังต้องเหนื่อย เพราะโครงการภาครัฐออกมาล่าช้า ซึ่งหากมีการลงทุนมากขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ แต่เป้าระยะไกล 3-5 ปี หลังงานเมกะโปรเจกต์ที่ออกมาต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโต 15-20% ต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากงานเอกชน 80% และภาครัฐ 20%” นายชเนศวร์ กล่าว