ผู้จัดการรายวัน 360 - “โนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต” ปลื้มผลประกอบการดีต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน ล่าสุดทำรายได้รวม 828 ล้านบาท พร้อมผลกำไร 53.52 ล้านบาท ชูกลยุทธ์หลักบริการ “24 Hours Flexi” ให้ลูกค้าเช็กอินได้ตลอด 24 ชั่วโมง แย้มแผนปลดหนี้แบงก์ทหารไทย 450 ล้านบาทก่อน ม.ค. 60 พร้อมยกระดับเป็นโรงแรมมาตรฐาน 5 ดาวและเปลี่ยนชื่อเป็น Pullman หรือ Sofitel
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท โรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด (รทส.) ผู้บริหารโรงแรม “โนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต” เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ด้วยเงินลงทุน 1,017.78 ล้านบาท โดยมีผู้ถือหุ้นหลักคือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) 60% บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 30% และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 10% ดำเนินธุรกิจโรงแรมระดับมาตรฐาน 4 ดาว จำนวน 612 ห้องพัก โดยว่าจ้าง “กิจการร่วมค้ายูนิเวอร์แซล ฮอสพิแทลลิที” เป็นผู้บริหารกิจการโรงแรมในลักษณะ Hotel Chain ภายใต้เครื่องหมาย “NOVOTEL” ของ “กลุ่ม ACCOR”
การบริหารจัดการของโรงแรม “โนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีบริการที่ครบวงจรเหมาะสมกับการเป็นสนามบินนานาชาติชั้นนำของโลก และเพื่อให้สามารถสร้างรายได้ทางธุรกิจให้มีผลตอบแทนอย่างเหมาะสมกับการลงทุน รวมทั้งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่เชิดหน้าชูตาของประเทศไทยซึ่งเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ
นายชัยวัฒน์กล่าวด้วยว่า ก่อนที่ตนจะหมดวาระดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในเดือน ม.ค. 2560 มีเป้าหมายปรับโครงสร้างทางการเงิน พร้อมชำระหนี้ขาดทุนสะสม รวมถึงหนี้ผูกพันกับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 450 ล้านบาทให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะมีการลงทุนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทเพื่อยกระดับเป็นโรงแรมมาตรฐานระดับ 5 ดาว โดยอาจเปลี่ยนชื่อเป็น Pullman หรือ Sofitel เป็นลำดับต่อไป
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาโรงแรมมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องจากผลกำไรในปีงบประมาณ 2555 (1 ต.ค.-30 ก.ย.) ประมาณ 15 ล้านบาท เพิ่มเป็น 23 ล้านบาทในปี 2556 และสูงถึง 105 ล้านบาทในปี 2557 เพราะได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ขณะที่ในปี 2558 มีผลกำไรเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 53.52 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 828.96 ล้านบาท พร้อมอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) 76.53% เมื่อเทียบกับรายได้รวมในปีงบประมาณ 2557 คือ 875.22 ล้านบาท และอัตราการเข้าพัก 76.85%
สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (ต.ค.-ธ.ค. 58) ถือว่าสามารถทำผลประกอบการโดยรวมได้ดีขึ้น มีอัตราการเข้าพัก 83.20% รายได้รวม 225.29 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 24.73 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้คือ อัตราการเข้าพัก 80.49% รายได้ 217.88 ล้านบาท และกำไร 20.77 ล้านบาท ทั้งยังสูงกว่าปีก่อนซึ่งมีอัตราการเข้าพัก 76.73% รายได้รวม 212.53 ล้านบาท กำไร 14.45 ล้านบาท จึงคาดว่าในปี 2559 จะสามารถทำผลประกอบการได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คืออัตราการเข้าพัก 78-80% รายได้รวม 838 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท
นายชัยวัฒน์กล่าวด้วยว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นคือการเติบโตด้านภาวการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย รวมถึงการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของโรงแรม การให้บริการไวไฟฟรี และฐานลูกค้าของกลุ่ม Accor ซึ่งมีความเข้มแข็งและความหลากหลายของช่องทางการจองห้องพักเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทำให้ปัจจุบันมีลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์และอื่นๆ ในสัดส่วนเท่ากันคือ 50:50 คิดเป็นชาวต่างชาติ 80% และชาวไทย 20%
“ปัจจุบันโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต มีกลยุทธ์ที่เป็นจุดเด่นของโรงแรมและถือเป็นโรงแรมเพียงแห่งเดียวที่สามารถทำได้คือ การให้บริการ 24 Hours Flexi โดยลูกค้าสามารถเช็กอินได้ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อสอดรับกับความต้องการของลูกค้าซึ่งต้องการความสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความแตกต่างอย่างลงตัว ด้วยการให้บริการที่หลากหลาย ทั้งการให้บริการสปา, ฟิตเนส รวมถึงห้องอาหารจีน Golden Village ซึ่งมีอาหารที่ขึ้นชื่อคือ ซุปปลาเก๋า และเป็ดปักกิ่ง”
โรงแรมยังมีการให้บริการในลักษณะ Day Use และ Fresh Up ให้ลูกค้าสามารถพักผ่อนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งหากคิดรวมเป็นอัตราการเข้าพักด้วยจะอยู่ที่ประมาณ 90% นอกจากนั้นยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น ทั้งในการจัดงานประชุมสัมมนา ที่จอดรถ การส่งลูกค้าประเภท Layover และลูกเรือ จึงทำให้โรงแรมคิดกลยุทธ์ Meal Coupon เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าสายการบินทั้งหมดในสนามบินเพื่อให้บริการลูกค้าที่จะขึ้นเครื่องแต่ประสบปัญหาดีเลย์ โดยผู้ถือหุ้นอย่าง บมจ.การบินไทย ได้ให้การสนับสนุนซื้อ Meal Coupon เรียบร้อยแล้วเป็นสายการบินแรก
“โรงแรมยังลงทุนสร้าง Sport Bar เพื่อให้บริการเครื่องดื่มและของขบเคี้ยวประเภทสแน็ก โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มสายการบินที่ปฏิบัติงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงหน่วยงานรอบๆ สนามบิน และผู้พักอาศัยในพื้นที่ไม่ห่างจากโรงแรม ทั้งยังมีการขยายช่องทางการเพิ่มรายได้อื่นๆ เช่น การบริหาร Airport Lounge ซึ่งปัจจุบันมีทั้งในส่วนของสายการบินและสถาบันการเงิน ได้แก่ China Lounge, Japan Lounge, Wisdom Lounge ของธนาคารกสิกรไทย รวมถึงการให้บริการซักรีดแก่สายการบินต่างๆ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในบริเวณใกล้เคียง ตลอดจนให้บริการจัดเลี้ยง และยังเป็นพันธมิตรร่วมกับบัตรเครดิตต่างๆ เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงไทย และ AEON เป็นต้น” นายชัยวัฒน์กล่าวในที่สุด