JMT ควงบริษัทย่อยประกาศซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารเพิ่มอีก 5 พันล้านบาท สนับสนุนพอร์ตบริหารหนี้ในปัจจุบันอยู่ที่ 8.2 หมื่นล้านบาทเรียบร้อยแล้ว จากเป้าหมายสิ้นปีนี้จะมีพอร์ตบริหารหนี้อยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท ประธานบอร์ดมั่นใจเป้าหมายซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารทั้งปีตามเป้า
นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT กล่าวว่า บริษัทฯ เดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้รายใหญ่ของประเทศไทยที่มีพอร์ตหนี้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องทุกปี โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2558 บริษัทได้ลงนามในสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อส่วนบุคคลกับบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS มูลค่าหนี้ 1.51 พันล้านบาท และเมื่อวันที่ 22 กันยายน บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ลงนามในสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์กับธนาคารธนชาต มูลค่าหนี้ 3.59 พันล้านบาท
ทั้งนี้ หากรวมกันทั้ง 2 บริษัทจะมีมูลค่าหนี้คงค้างตามสิทธิประมาณ 5,000 ล้านบาท สนับสนุนให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีพอร์ตหนี้สะสมอยู่แล้วที่ประมาณ 82,000 ล้านบาท เข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้ว่าสิ้นปีจะมีพอร์ตบริหารหนี้อยู่ที่ 95,000 ล้านบาทได้ไม่ยาก
“ภาพรวมหนี้ NPL ในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโอกาสของ JMT ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ในตลาดหนี้เสียที่ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) ที่มีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็นราว 90% ของหนี้เสียไม่มีหลักประกันที่สถาบันการเงินนำมาประมูลทั้งหมดในแต่ละปี ให้เข้าไปประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารจากสถาบันการเงิน และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าจะมีพอร์ตบริหารหนี้เมื่อสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 95,000 ล้านบาท จากเมื่อสิ้นปี 2557 มีพอร์ตหนี้บริหารอยู่ที่ประมาณ 65,000 ล้านบาท สนับสนุนผลประกอบการปี 2558 ที่คาดว่า กำไรสุทธิจะเติบโตขึ้นราว 30% จากปี 2557 มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 120.61 ล้านบาท ได้สำเร็จ”
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย งวด 6 เดือนแรก (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558) งบการเงินรวมบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 330.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 202.73 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ ที่ 55.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.61% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 43.41 ล้านบาท
