อุบลราชธานี - เจ้าหน้าที่สรรพสามิตอุบลราชธานี สรุปตัวเลขยอดขอใช้สิทธิคืนภาษีซื้อรถคันแรกกว่า 20,000 ราย แต่คาดจะไม่ใช้สิทธิ หลังทำเรื่องไว้ตั้งแต่ปี 2555 กว่า 1,900 ราย ขณะที่อีกกว่า 100 รายยกเลิกไม่ใช้สิทธิ เพราะรถถูกยึด และต้องการขายรถต่อก่อนครบกำหนด 5 ปี
นายฉลอง นิ่มเนียม สรรพสามิตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีนโยบายคืนภาษีให้แก่ประชาชนที่ซื้อรถยนต์คันแรกภายในวันที่ 31 ธ.ค.2555 ปรากฏว่า มีประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานี มาลงทะเบียนขอใช้สิทธิ 20,888 ราย โดยเป็นการซื้อรถยนต์นั่งส่วนบุคคลถึง 10,451 คัน ที่เหลือเป็นรถกระบะบรรทุก 4 ล้อใช้ในเชิงพาณิชย์ ทำให้มียอดเงินภาษีที่รัฐต้องจ่ายคืนให้แก่ประชาชนที่ซื้อรถยนต์คันแรกเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 1,372,732,670 บาท จนถึงปัจจุบันมีการคืนเงินให้แก่ประชาชนที่ยื่นขอใช้สิทธิไปแล้ว 18,217 ราย คิดเป็นเงินภาษีที่จ่ายคืนไปแล้ว 1,193,812,408 บาท และรอจ่ายเงินภาษีคืนให้แก่ผู้มาขอใช้สิทธิอีก 529 ราย คิดเป็นเงินที่ต้องจ่าย 29,577,641 บาท
ในจำนวนการขอใช้สิทธิซื้อรถคันแรกมี 198 ราย มาขอถอนการใช้สิทธิ เพราะต้องการจำหน่ายรถที่ซื้อก่อนครบกำหนด 5 ปี คิดเป็นเงินที่ไม่ต้องจ่ายคืน 12,403,871 บาท ขณะเดียวกัน ยังมียอดการขอใช้สิทธิซื้อรถคันแรกแต่ยังไม่รับรถจากผู้จำหน่าย 1,944 ราย คิดเป็นยอดภาษีที่ต้องคืน 136,938,750 บาท
ในกรณีมาขอใช้สิทธิแล้วยังไม่มารับรถนั้น เจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จะประกาศให้ต้องมาขอรับรถจากผู้จำหน่ายภายในวันที่ 30 ก.ย.ศกนี้ เมื่อพ้นกำหนดจะถือว่าไม่ต้องการใช้สิทธิดังกล่าวก็จะทำการยกเลิกสิทธิการจองที่ได้ทำไว้ต่อสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่จังหวัดต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังมีผู้มาขอใช้สิทธิ และรับเงินภาษีคืนไปแล้ว แต่ไม่สามารถผ่อนชำระรถจนหมดงวด จำนวน 40 ราย คิดเป็นเงินเกือบ 4 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ได้ติดตามให้นำเงินภาษีที่ได้รับคืน กลับมาคืนให้แก่ทางสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพราะถือทำผิดเงื่อนไง โดยให้ทำการผ่อนชำระคืนเป็นงวดๆ พร้อมดอกเบี้ย ส่วนรายที่ยังไม่ยอมนำมาคืนจะให้แผนกกฏหมายของสำนักงานฟ้องต่อศาลเพื่อบังคับคดีต่อไป
ส่วนปัญหาที่พบในโครงการรถยนต์คันแรก คือ มีอุปสงค์อุปทานเพิ่มขึ้นจากการซื้อขายรถปกติเกือบ 2 เท่าตัว และผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ คือ โรงงานอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ แต่ตัวแทนจำหน่ายรถ และบริษัทไฟแนนซ์ได้รับผลกระทบ เพราะเมื่อผู้ซื้อไม่สามารถผ่อนชำระจนครบงวด และถูกยึด ไฟแนนซ์จะมาขอถอนการใช้สิทธิเพื่อนำรถไปขายทอดตลาด ทำให้เกิดหนี้เสียเกิดขึ้นจำนวนมาก
ปัจจุบัน ยังมีรถรุ่นที่ผลิตในช่วงปี 2555 ที่ผู้จองขอใช้สิทธิตกค้างอยู่กับผู้จำหน่าย เพราะผู้มาขอใช้สิทธิไม่มารับรถ จึงกลายเป็นปัญหาของผู้จำหน่ายที่ต้องแบกรับภาระดังกล่าวไว้ แต่โดยภาพรวมถือว่าในช่วงของการทำโครงการตลาดรถยนต์เติบโตมาก แต่ก็ทำให้มีรถยนต์ตกค้างอยู่ในตลาดมากเช่นกัน