จับตาพรุ่งนี้ (24 ก.ย.) ป.ป.ช.ชี้มูล “จุติ ไกรฤกษ์” หรือไม่ ปมลงนามเอื้อประโยชน์ “บริษัท ทรูฯ-กิจการร่วมค้า SL” ดำเนินธุรกิจ 3G กับ CAT-ทีโอที หลังองค์คณะไต่สวนสรุปข้อเท็จจริงครบแล้ว แม้อดีต รมว.ไอซีทีจะอ้างว่าสมัยตัวเองสามารถประมูลได้ถูกลงกว่าเดิมถึงกว่า 1 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (23 ก.ย.) มีรายงานว่า องค์คณะไต่สวนในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีกล่าวหาให้ถอดถอนนายจุติ ไกรฤกษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ออกจากตำแหน่งกรณีดำเนินการให้มีการลงนามสัญญาร่วมดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT กับบริษัท ทรู คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) และสัญญาการติดตั้งโครงข่าย 3G ระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT กับกิจการร่วมค้าเอสแอลคอนซอเดียม และนายจุติมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วนั้น
“องค์คณะไต่สวนฯ ได้สรุปข้อเท็จจริงในกรณีนี้เสร็จแล้ว และจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาลงมติชี้มูลนายจุติในวันที่ 24 ก.ย.นี้”
มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2558 องค์คณะไต่สวนได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายจุติแล้ว 2 กรณี ได้แก่ 1. มีพฤติการณ์ส่อว่าเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอร์เรชั่นฯ ได้เข้าเป็นคู่สัญญาร่วมดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G กับ CAT 2. ส่อว่าได้รับผลประโยชน์เพื่อทำให้กลุ่มกิจการร่วมค้าเอสแอล คอนซอร์เตียม ได้เข้าเป็นคู่สัญญาสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G กับ TOT โดยส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554
โดยนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานแล้วพบว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เร่งรีบนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 53 ทั้งที่ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดรอบคอบในฐานะที่มีหน้าที่กำกับดูแล
นอกจากนี้ยังได้มีการดำเนินการเพื่อให้มีการลงนามสัญญาการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ระหว่างบริษัท ทีโอที กับกลุ่มบริษัท เอสแอล คอนซอร์เตียม โดยการยื่นประกวดราคาดังกล่าว บริษัทกลุ่มร่วมค้าเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดขอบเขตของงาน ทั้งหมดนี้ จึงมีมูลเพียงพอและส่อว่าจะกระทำการทุจริตและจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติต่อรัฐธรรมนูญ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 58 ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ส่งเอกสารประชาสัมพันธ์ อ้างคำพูดของนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการ ปชป. และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ชี้แจงกรณี ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2558 ได้มีมติแจ้งข้อกล่าวหากับนายจุติ ในคดีขอให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง กรณีใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ทำให้กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เข้าเป็นคู่สัญญาร่วมดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G กับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT รวมทั้งส่อว่าจะได้รับผลประโยชน์เพื่อทำให้กลุ่มกิจการร่วมค้า เอสแอล คอนซอร์เตียม ได้เข้าเป็นคู่สัญญาสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G กับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT
โดยนายจุติกล่าวชี้แจงว่า เตรียมนำพยานหลักฐานไปให้กับ ป.ป.ช.ในต้นสัปดาห์นี้ เชื่อว่าหากได้พิจารณาจะเห็นได้ว่า ตนไม่ได้มีพฤติกรรมทุจริตหรือส่อทุจริตใดๆ เลย โครงการที่ถูกกล่าวหานั้นก็เป็นการดำเนินการของบอร์ด CAT และบอร์ด TOT ตามนโยบายที่ตนให้ไว้ว่าต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งหากดูผลงานจะพบได้ว่าสามารถรักษาผลประโยชน์ของรัฐได้ถึงกว่า 2 หมื่นล้านบาท
นายจุติยังกล่าวชี้แจงเป็นรายโครงการว่า กรณีโครงการที่ให้กลุ่มบริษัท ทรูฯ เข้าเป็นคู่สัญญากับ CAT ข้อเท็จจริงคือ มีการยกเลิกการซื้อบริษัทที่มีคลื่น โครงการนี้ได้มีการอนุมัติไปแล้วตั้งแต่ก่อนตนเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีไอซีที มีผู้เสนอบอร์ด CAT ว่าหากซื้อจริง รัฐจะได้เพียงความถี่ แต่เป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัย และกำลังจะตกรุ่นในขณะนั้น มีเพียง 4-5 ประเทศที่ยังใช้อยู่ ที่เหลือไปใช้ 3G กันหมดแล้ว และราคาที่ตกลงกันก่อนหน้าก็สูงมาก ทางบอร์ด CAT จึงได้เสนอให้ตนนำเรื่องยกเลิกการซื้อบริษัทเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณา ซึ่งก็ได้มีมติเห็นชอบ เพียงเท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องของบอร์ด CAT และไม่ได้เร่งรีบเพราะใช้เวลา 2-3 เดือน ก่อนเสนอให้ ครม. รับทราบการยกเลิกสัญญาซึ่งอยู่ในอำนาจของบอร์ด CAT
“อันที่จริงเรื่องนี้เป็นอำนาจของบอร์ด ไม่ใช่รัฐมนตรี รัฐมนตรีให้นโยบายไปว่าต้องดี เทคโนโลยีเหมาะสมและราคาสมเหตุสมผล บอร์ดก็ไปดำเนินการมา ซึ่งถ้าจะจำได้บอร์ดก็สามารถดำเนินการให้เป็น 3G ตามที่ประชาชนเรียกร้อง ราคาก็ประหยัดกว่าที่เขาไปตกลงกันมาตั้งกว่าหมื่นล้านบาท ได้ของดีราคาถูกลงมามาก ไม่ต้องรับโละเทคโนโลยีเก่า อันนี้ก็ต้องชื่นชมบอร์ดเขาด้วยว่า คนไทยมี 3G ใช้ในวันนี้ เพราะคณะกรรมการตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีได้ถูกต้อง”
นายจุติกล่าวว่า ส่วนโครงการที่ ป.ป.ช.ระบุว่าส่อว่าจะได้รับผลประโยชน์เพื่อทำให้กลุ่มกิจการร่วมค้า เอสแอล คอนซอเตียม ได้เข้าเป็นคู่สัญญาสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G กับ TOT เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ้างบริษัทติดตั้งอปกรณ์ 3G ของ TOT ซึ่งก็เป็นอำนาจการพิจารณาของบอร์ด TOT อีกเช่นกัน มิใช่อำนาจของรัฐมนตรีไอซีที และสามารถว่าจ้างบริษัทติดตั้งอุปกรณ์ 3G ราคาที่ถูกกว่าสมัยรัฐบาลชุดก่อนหน้า ที่ประเมินมูลค่าไว้ 2.9 หมื่นล้านบาท แต่ผ่านมาเพียง 2 ปี ในสมัยตนสามารถประมูลได้ถูกลงกว่าเดิมถึงกว่า 1 หมื่นล้านบาท และมั่นใจว่าจะสามารถแก้ต่างข้อกล่าวหาต่างๆ ได้อย่างแน่นอน