เจียไต๋จับมือทาคิอิบุกตลาดเมล็ดพันธุ์พืชผักในตลาดอาเซียนและเอเชียใต้ วางเป้าหมายยอดขายปีหน้าโตขึ้น 50% จากปีนี้ที่ 65 ล้านเหรียญสหรัฐ ลั่นไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.จีเอ็มโอ เพราะมีเทคโนโลยีพัฒนาเมล็ดพันธุ์ผักที่ดีอยู่แล้ว ยันไม่ทำจีเอ็มโอแน่
นายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะปฏิบัติการ บริษัท เจียไต๋ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยภายหลังงานฉลอง 180 ปีทาคิอิ และ 75 ปีแห่งมิตรภาพทาคิอิ-เจียไต๋ว่า ในปีหน้ากลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์พืชผักของเจียไต๋ตั้งเป้าหมายรายได้โตขึ้น 50% จากปีนี้ที่มียอดขาย 65 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ2.27 พันล้านบาท โดยจะจับมือกับทางทาคิอิ ซึ่งเป็นบริษัทญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำด้านเมล็ดพันธุ์พืชระดับโลก โดยนำเมล็ดพันธุ์พืชผักเมืองหนาวของทาคิอิมาบรรจุและจำหน่ายในแบรนด์เจียไต๋ ขณะเดียวกับทางทาคิอิที่จะนำเมล็ดพันธุ์พืชผักเมืองร้อนของเจียไต๋มาทำตลาดในแบรนด์ตนเอง ซึ่งถือเป็นการช่วยทำตลาดด้วยกันแทนที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายด้านงบลงทุนมาวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเดิมบริษัทฯ นำเข้าเมล็ดพันธุ์ผักของทาคิอิมาจำหน่ายในแบรนด์ทาคิอิ เช่น กะหล่ำปลี มะเขือเทศ แตงกวาญี่ปุ่น เป็นต้น ทำให้บริษัทเข้าสู่ Supply Chain
เป้าหมายการเติบโตของธุรกิจเมล็ดพันธุ์พืชผักของกลุ่มเจียไต๋ในปีหน้าจะมาจากตลาดส่งออกเป็นหลักโดยเฉพาะตลาดเออีซี และเอเชียใต้ทั้งอินเดียและบังกลาเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการทำตลาดในประเทศเหล่านี้อยู่แล้ว โดยปีหน้าวางงบลงทุนไว้ที่ 200-300 ล้านบาทในการทำการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบในประเทศแถบอาเซียน อินเดียและบังกลาเทศ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋เหมาะสมกับภูมิภาคนี้อยู่แล้ว
สำหรับตลาดในประเทศยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้ปีนี้ตลาดเมล็ดพันธุ์พืชผัก ปุ๋ย ยาและเคมีภัณฑ์มียอดขายลดลงมาก แต่โชคดีที่ยอดขายเมล็ดพันธุ์พืชผักของเจียไต๋ไม่ได้ลดลงเลย ซึ่งมูลค่าตลาดเมล็ดพันธุ์พืชผักในไทยอยู่ที่ 2 พันล้านบาท คาดว่าปีหน้าสถานการณ์ภัยแล้งก็ยังมีอยู่ ดังนั้นตลาดด้านการเกษตรในไทยโตยากและการแข่งขันรุนแรง บริษัทฯ จึงหันไปทำตลาดในต่างประเทศแทน
ปัจจุบันยอดขายของธุรกิจเมล็ดพันธุ์พืชผักของเจียไต๋คิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายรวมทั้งหมดของกลุ่มเจียไต๋ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแต่ละปีมีการวางงบในการวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชผักให้สามารถทนแล้ง ให้ผลผลิตที่ดีและมีความหลากหลายของพืชผักมากขึ้น คิดเป็น 10% ของยอดขายหรือประมาณ 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เจียไต๋ครองความเป็นผู้นำด้านเมล็ดพันธุ์พืชผักในภูมิภาคนี้
นายมนัสกล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ….. (ร่าง พ.ร.บ.จีเอ็มโอ) เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 58 ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ดังนั้นจึงได้มีการหารือกับทางทาคิอิ เห็นชอบร่วมกันที่จะไม่ทำเมล็ดพันธุ์พืชผักจีเอ็มโอ เนื่องจากเจียไต๋และทาคิอิมีเทคโนโลยีในการพัฒนาสายพันธุ์ที่ดีและยั่งยืนระยะพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ให้เร็วขึ้นด้วยซึ่งแตกต่างจากจีเอ็มโอ โดยตลาดญี่ปุ่นไม่ยอมรับสินค้าจีเอ็มโอ เช่นเดียวกับตลาดไทย
“ทางเจียไต๋คงไม่ออกไปคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว แม้ว่าจะไม่เห็นด้วย แต่ยืนยันที่จะไม่มีการวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ผักจีเอ็มโอทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อต้องการประกาศให้รู้ว่าเจียไต๋เป็นบริษัทปลอดจีเอ็มโอ”
เจียไต๋เป็นบริษัทเมล็ดพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ได้รับความนิยมจากเกษตรกรทั้งไทยและต่างประเทศ โดยมีจุดแข็งด้านเมล็ดพันธุ์ผักเมืองร้อนทำให้สามารถส่งออกไปต่างประเทศในแถบร้อน ได้แก่ มะระ บวบ พริก เมลอน และแตงโม ขณะที่ทาคิอิมีประวัติการก่อตั้งมานาน 180 ปีจนกลายเป็นบริษัทเมล็ดพันธุ์ที่เป็นกิจการครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ระดับโลก โดยทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันพัฒนาสายพันธุ์แตงโม และจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท ซีทีที เมล็ดพันธุ์ จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนาสายพันธุ์แตงโมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์แตงโมไปทั่วโลก รวมทั้งเจียไต๋ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายเพียงผู้เดียวของสินค้าเมล็ดพันธุ์จากทาคิอิประเทศไทยด้วย