แช่แข็งรถเมล์ NGV 489 คัน ขสมก.ทำหนังสือถึง กวพ.อ.ขอความชัดเจนประมูลถูกต้องหรือไม่ เซ็นสัญญาได้หรือไม่ วงในชี้ปมร้องเรียนที่ ป.ป.ช. และ กมธ.คมนาคม สนช.ส่อฟันดาบสอง คาดยื้อแผนอีกนาน ขสมก.ขยับเร่งซื้อรถเมล์ไฟฟ้า 200 คันและปรับปรุงรถเก่า 600 คันทดแทน
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า โครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 489 คัน ยังติดปัญหาการพิจารณาของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) กรณีที่ บริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด ผู้ยื่นประมูลรายหนึ่ง ได้ยื่นอุทธรณ์ไปยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการ (บอร์ด) ขสมก. ที่มี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติให้ ขสมก.ทำหนังสือสอบถามถึง กวพ.อ.อีกครั้งเพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อนนำมาพิจารณา ทั้งนี้ ตนได้ติดต่อไปยังนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธานกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขอเร่งรัดในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว
พร้อมกันนี้ ได้เร่งรัดให้ทางนางปราณี ศุกระศร รักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เร่งสรุปแผนโครงการจัดหารถเมล์ไฟฟ้าเสนอมายังกระทรวงคมนาคมภายในเดือน ต.ค.นี้ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เป้าหมายเพื่อให้ ขสมก.มีรถใหม่มาให้บริการประชาชนเร็วที่สุด ซึ่งเบื้องต้นจากการหารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แล้วเห็นตรงกันว่าควรนำร่องที่จำนวน 200 คันก่อน เนื่องจากเหมาะสมในการจัดหาไม่มากและไม่น้อยเกินไป ส่วนรายละเอียดโครงการ ขสมก.จะเป็นผู้นำเสนอ เช่น วงเงินจัดหา โดยข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าหากเป็นการนำเข้าทั้งคันราคาจะอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านบาทต่อคัน แต่หากเป็นการนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบในประเทศราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาทต่อคัน
ด้านนางปราณี ศุกระศร รักษาการ ผอ.ขสมก. กล่าวว่า จากผลการพิจารณาของ กวพ.อ. กรณีที่บริษัท เบสท์รินกรุ๊ป ยื่นอุทธรณ์นั้น ต้องยอมรับว่าไม่ชัดเจนพอที่ ขสมก.จะตัดสินใจเดินหน้าหรือยกเลิกโครงการได้ โดยตามระเบียบหากมีการยื่นอุทธรณ์ กวพ.อ.มีกรอบเวลาในการพิจารณา 30 วัน ถ้าการอุทธรณ์ฟังขึ้นจะแจ้งให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินงานใหม่ โดยระบุถึงขั้นตอนว่าจะให้เริ่มต้นใหม่หรือเริ่มจากขั้นตอนใดตามดุลพินิจของ กวพ.อ. แต่หากการอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้นจะต้องแจ้งหน่วยงานเจ้าของโครงการให้ดำเนินการตามระเบียบต่อไป ซึ่ง กวพ.อ.ไม่ได้แจ้งชัดเจน โดยชี้แจงถึงการพิจารณา 2 ข้อที่มีการอุทธรณ์ เรื่อง 1. การเจรจาต่อรองค่าซ่อมบำรุง ซึ่ง กวพ.อ.ระบุว่าขั้นตอนเจรจาต่อรองค่าซ่อมบำรุงเป็นการปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยการพัสดุของ ขสมก. จึงไม่อยู่ในอำนาจของ กวพ.อ.ที่จะพิจารณา และ 2. คุณสมบัติผู้เสนอราคาไม่ถูกต้องตาม TOR ถือเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการประกวดราคาของ ขสมก.
นอกจากนี้ กวพ.อ.ยังได้ตั้งข้อสังเกตอีก 3 ข้อ ซึ่ง ขสมก.เห็นว่าไม่ชัดเจนว่า ให้ ขสมก.ใช้เป็นข้อสังเกตสำหรับการดำเนินโครงการครั้งต่อไป หรือนำข้อสังเกตมาดำเนินการในการประมูลครั้งนี้ ดังนั้นจึงต้องสอบถามไปยัง กวพ.อ.อีกครั้งว่าความเห็น 2 ข้อดังกล่าวหมายถึง ขสมก.ดำเนินการถูกต้องแล้ว และสามารถเดินหน้าตามขั้นตอนต่อไปได้ใช่หรือไม่ และข้อสังเกตให้ใช้ปฏิบัติเมื่อใด
“คำตอบของ กวพ.อ.ไม่ชัดเจน ขสมก.ต้องถามไปอีกครั้ง เพราะเรื่องนี้ยังมีการร้องเรียนในประเด็นเดียวกันไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย ดังนั้น กวพ.อ.ต้องตอบให้ชัดเจนกว่านี้ ยอมรับว่าทาง รมว.คมนาคมเองไม่ได้เร่งรัดเพราะต้องการให้ชี้แจงข้อสงสัยให้ได้ข้อยุติก่อนเพื่อความถูกต้อง”
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ขสมก.อยู่ระหว่างเร่งทบทวนแผนโครงการจัดหารถเมล์ไฟฟ้าตามนโยบายนำร่อง 200 คัน โดยได้เร่งรัดให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สรุปรายละเอียดเพื่อนำเสนอที่ประชุมบอร์ด ขสมก. วันที่ 21 ต.ค.นี้ จากนั้นจะเร่งเสนอมายังกระทรวงคมนาคมภายในปลายเดือน ต.ค. หรืออย่างช้าต้นเดือน พ.ย. พร้อมกันนี้จะเร่งแผนการปรับปรุงรถเก่า (Overhaul) เฉลี่ยอายุประมาณ 24 ปี จำนวน 600 คัน ซึ่ง สจล.จะประเมินต้นทุนเพื่อนำมากำหนดราคากลางในการประมูลซ่อมบำรุง จะทยอยปรับปรุงเดือนละประมาณ 70 คัน เริ่มตั้งแต่เดือน ธ.ค. นี้ ซึ่งหากทำทั้ง 2 โครงการนี้ได้จะทำให้สภาพรถ ขสมก.ดีขึ้น โดยมีรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน และรถเก่าที่ปรับปรุงสภาพใหม่ 600 คันเพื่อทดแทนกรณีรถเมล์ NGV 489 คันมีปัญหาต้องยกเลิก
แหล่งข่าวกล่าวว่า การประมูลซื้อรถเมล์ NGV 489 คันมีการร้องเรียนทั้งที่ กวพ.อ., ป.ป.ช. และคณะกรรมาธิการคมนาคม สนช. ซึ่งมีเอกสารระบุว่ามีความไม่ถูกต้องจริง ซึ่งในส่วนของ กมธ.คมนาคม สนช.นั้นได้ส่งเรื่องมายังกระทรวงคมนาคมแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะต้องยืดเยื้ออีกนานเนื่องจากไม่มีใครกล้ารับรองการประมูล และหาก ขสมก.เดินหน้าลงนาม เชื่อว่าบริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จะยื่นฟ้องร้องอีกแน่นอน