“BECL” เร่งก่อสร้างทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ ยันเปิดให้บริการแน่ ก.ค. 59 นี้ ซึ่งเร็วกว่าแผนกำหนดเปิด ธ.ค. 59 ค่าผ่านทาง 50 บาทตลอดสาย คาดปีแรกปริมาณจราจร 9.7 หมื่นคัน/วัน “พเยาว์” ชี้งานยากแต่ทำได้ ขณะที่เตรียมประชุมผู้ถือหุ้นร่วม BECL- BMCL ขยายเวลาควบรวม อีก 6 เดือนหวั่น ครม.อนุมัติไม่ทันเป้า 2 ต.ค. คาดปี 58 ผู้ใช้ทางโต 4% ประเมินครึ่งปีหลังน้ำมันลด เปิดเทอมปัจจัยหนุนสำคัญ
นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECL เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 16.7 กม. ซึ่ง BECL เป็นผู้รับสัมปทานมาจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยได้ว่าจ้างบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เป็นผู้ก่อสร้างวงเงิน 25,491 ล้านบาท ล่าสุดสิ้นเดือน ก.ค. 2558 งานก่อสร้างมีความคืบหน้า 70.12% เร็วกว่าแผนงาน 2.52% (แผนงาน 67.60%) คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. 2559 และเปิดให้บริการได้ในเดือน ก.ค. 2559 ซึ่งเร็วกว่าแผนงานที่จะเปิดให้บริการในเดือน ธ.ค. 2559 โดยคาดการณ์ปริมาณจราจรในปีแรกที่เปิดให้บริการที่เฉลี่ยประมาณ 97,000 คันต่อวัน อัตราค่าผ่านทาง 50 บาทตลอดสาย
โดย BECL ทำสัญญาลงทุนกับ กทพ.ในรูปแบบออกแบบก่อสร้างและบริหาร หรือ BTO อายุสัญญา 30 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2555-14 ธ.ค. 2585 โดยจะก่อสร้าง 4 ปี (15 ธ.ค. 2555-14 ธ.ค. 2559) โดยตามสัญญาจะแบ่งรายได้ให้ กทพ.ต่อเมื่อผลตอบแทนการลงทุน (IRR) เกิน 13.5% ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ขอความร่วมมือกับ ช.การช่างในการเร่งรัดการก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จเนื่องจากการก่อสร้างโครงการมีความยาก เช่น ต้องก่อสร้างในพื้นที่แคบ มีสะพานข้ามทั้งแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองบางกอกน้อย จนสามารถเสร็จเร็วกว่าแผน ทำให้บริษัทสามารถเก็บรายได้จากค่าผ่านทางได้เร็วขึ้น
สำหรับความคืบหน้าการควบรวมกิจการระหว่าง BECL กับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL นั้น ล่าสุดคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ.เห็นชอบแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งการพิจารณาของภาครัฐมีขั้นตอนและต้องใช้เวลา ซึ่งอาจจะไม่ทันกับกำหนดเดิมที่จะมีการควบรวมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 2 ต.ค. 2558 ตามที่ผู้ถือหุ้นเคยอนุมัติไว้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมไว้ก่อน ทาง BECL และ BMCL จะเชิญประชุมผู้ถือหุ้นร่วมกันในวันที่ 29 ก.ย.นี้ เพื่อขอผู้ถือหุ้นในการขยายระยะเวลาการควบรวมออกไปอีก 6 เดือนนับต่อจากวันที่ 2 ต.ค. 2558 แต่หาก ครม.เห็นชอบและควบรวมได้ทันกำหนดเดิม 2 ต.ค. 2558 ก็จะดำเนินการไปเลย ซึ่งขณะนี้ยังมั่นใจว่าจะสามารถควบรวมได้เสร็จสิ้นภายในเดือน ต.ค. และเริ่มทำการซื้อขายบริษัทใหม่ คือ BEM ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในเดือน พ.ย. 2558
นางพเยาว์กล่าวถึงผลประกอบการในปี 2558 ว่า คาดว่าปริมาณการจราจรจะเติบโตมากกว่าปี 2557 ประมาณ 4% โดยในปี 2557 BECL มีปริมาณการจราจรบนโครงข่ายทางด่วนขั้นที่ 1, 2 และบางปะอิน-ปากเกร็ด เฉลี่ย 1,103,606 คันต่อวัน โดยประเมินว่าแนวโน้มปริมาณการจราจรช่วง 6 เดือนหลัง 2558 (ก.ค.-ธ.ค.) จะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดี แต่มีปัจจัยหนุน 2 เรื่อง คือ ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างมากและเป็นช่วงเปิดภาคเรียนระดับอุดมศึกษา ส่วนช่วง 6 เดือนแรก 2558 (ม.ค.-มิ.ย.) ปริมาณจราจรเฉลี่ย 1,130,348 คันต่อวัน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีปริมาณจราจร 1,074,236 คันต่อวัน ประมาณ 5%
ส่วนรายได้และกำไรนั้นของครึ่งปีหลังปี 2558 นั้นคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน โดยจะมีรายการพิเศษคือการขายหุ้นที่ถือใน BMCL ซึ่งเป็นการขายตามหลักการควบรวมซึ่งมีกำไรประมาณ 1,000 ล้านบาทจะรับรู้ในไตรมาส 3/58 อีกด้วย ในขณะที่จะมีการควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ครึ่งแรกปี 2558 อยู่ที่ 4,403 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,351 ล้านบาท
ด้านนายเผด็จ งามเจริญ ผู้จัดการโครงการก่อสร้างทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ บริษัท ช.การช่าง กล่าวว่า ขณะนี้งานก่อสร้างเสาเข็มคืบหน้า 96% ฐานรากคืบหน้า 81% ตอม่อคืบหน้า 72% คานขวางคืบหน้า 77% การประกอบคานรูปกล่อง (Segment Box Girder) คืบหน้า 67% โดยภายในสิ้นเดือน ธ.ค. 2558 การก่อสร้างรวมจะก้าวหน้าถึง 85% โดยตลอดสายทางมีด่านเก็บค่าผ่านทางจำนวน 10 ด่าน ประกอบด้วย ด่านฉิมพลี ด่านตลิ่งชัน ด่านบรมราชชนนี ด่านบางบำหรุ ด่านบางพลัด ด่านบางกรวย ด่านสะพานพระราม 7 ด่านบางซื่อ 1 ด่านบางซื่อ 2 และด่านกำแพงเพชร โดยอาคารด่านบางพลัดจะแล้วเสร็จก่อนภายใน 2 เดือนนี้ และจะให้ทาง BECL เข้าทำการทดสอบระบบจัดเก็บค่าผ่านทางได้ ส่วนที่เหลือจะทยอยแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน ก.พ. 2559