ASTVผู้จัดการรายวัน-บอร์ดกทพ.เห็นชอบ ควบรวม BECL-BMCL เผยไม่กระทบสัญญาสัมปทานและรัฐไม่เสียประโยชน์ ขณะที่เอกชนจะมีความแข็งแกร่งทางการเงิน ส่งเรื่องคมนาคมพิจารณาตามขั้นตอน พร้อมเห็นชอบจ้างที่ปรึกษาวิเคราะห์การต่อสัญญาด่วนขั้น 2 “ประธานบอร์ดกทพ.”ยันบริหารเองดีกว่า ผลประโยชน์รัฐเพิ่มกว่าต่อสัมปทานพร้อมเดินหน้าสรรหาฯผู้ว่าฯคนใหม่ให้ได้ตัวในพ.ย. 58
พล.ท. วิวรรธน์ สุชาติ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด กทพ. วานนี้ (14 ก.ค.) มีมติเห็นชอบ การควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECL และ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL เนื่องจากเป็นการควบรวมทางธุรกิจ เพื่อให้มีความแข็งแกร่งทางการเงินเพราะเมื่อควบรวมกันแล้วบริษัทจะใหญ่ขึ้น มีทุนมากขึ้น ข้อดีคือ จะทำให้สามารถประมูลแข่งขันโครงการขนาดใหญ่กับบริษัทต่างชาติได้ โดยหลักในการพิจารณาของบอร์ดกทพ.ดูในเรื่องข้อดี ข้อเสียในการควบรวม ไม่มีผลกระทบต่อสัญญาสัมปทานและการทำงานแต่อย่างใด และภาครัฐไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใด รวมถึงข้อพิพาทต่างๆจะไม่มีผลกระทบ ภาระทั้งหมดยังเป็นไปตามเดิม เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงคู่สัญญาจาก BECL เป็นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (Bangkok Expressway and Metro: BEM) ซึ่งจะต้องมีการทำเป็นภาคผนวกแนบท้ายสัญญาเดิม แต่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระสัญญาสัมปทาน โดยหลังจากนี้กทพ.จะสรุปความเห็นชอบบอร์ดกทพ.รายงานไปยังคณะกรรมการกำกับสัญญาสัมปทานที่กระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน
นอกจากนี้ ทาง BECL ได้เสนอเรื่อง การต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนศรีรัช (ด่วนขั้นที่ 2 แจ้งวัฒนะ-พระราม 9) ซึ่งเหลืออายุสัมปทานอีก 5 ปีนั้น บอร์ดได้ มีมติตั้งแต่การประชุมบอร์ดเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยให้กทพ.ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ที่จะต้องมีการจ้างที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาถึงข้อดี ข้อเสีย ในการต่อสัญญาสัมปทานหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องต่อสัญญา แต่เป็นการวิเคราะห์จากข้อมูลที่มี โดยเห็นว่า หากครบสัญญา กทพ.บริหารจัดการเอง จะได้รับผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าต่อสัญญาสัมปทาน เนื่องจากขณะนี้ พนักงานเก็บค่าผ่านทางเป็นของกทพ. ทำให้มีความพร้อมในการทำเองทุกอย่างแต่ตามกฎหมายของกทพ. จ้างที่ปรึกษาเพื่อดูข้อดี ข้อเสีย อย่างรอบด้าน หากสรุปผลการศึกษาก็เสนอเข้ามาพิจารณาอีกที
“ ทาง BECL ได้ขอควบรวมกิจการกับ BMCLมาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว ซึ่งบอร์ดประชุมพิจารณาเรื่องนี้มา 2 ครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เพราะต้องการดูทุกประเด็นอย่างรอบด้าน ดูทุกแง่ทุกมุม จึงใช้เวลา โดยหลัก การพิจารณาของบอร์ดกทพ.คือ ดูในแง่ผลกระทบต่อคู่สัญญา ข้อดี ข้อเสีย และข้อพิพาท ซึ่งทางอัยการได้ให้ความเห็นว่า
ไม่มีผลกระทบ”
ตั้งเป้าสรรหาผู้ว่าฯกทพ.คนใหม่ ได้ในพ.ย.58
พล.ท.วิวรรธน์ กล่าวถึงการสรรหาผู้ว่าการฯ กทพ. คนใหม่แทนนายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าฯกทพ.คนปัจจุบันที่จะครบเทอมการทำงานในเดือน พ.ย. 2558 นี้ บอร์ดได้เห็นชอบ แต่งตั้งพล.อ.อ.ยุทธนา สุกุมลจันทรา เป็นประธาน คณะกรรมการสรรหาฯ ไปแล้วเมื่อเดือนมิ.ย. 2558 ที่ผ่านมา โดย หลังจากนี้คณะกรรมการสรรหาฯ พิจารณาเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้สมัครโดยจะนำเกณฑ์เงื่อนไขคุณสมบัติการสรรหาฯ ที่กำหนดในปี 2550และปี2554 มาประกอบการพิจารณา ว่าควรจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรหรือไม่ โดยหลักจะเน้นให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเปิดกว้างให้ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมสมัครได้มากที่สุด ทั้งภายในและภายนอกโดยกำหนดกรอบระยะเวลาสรรหาให้สรุปผลได้ก่อนเดือนพ.ย.นี้แน่นอน
พล.ท. วิวรรธน์ สุชาติ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด กทพ. วานนี้ (14 ก.ค.) มีมติเห็นชอบ การควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECL และ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL เนื่องจากเป็นการควบรวมทางธุรกิจ เพื่อให้มีความแข็งแกร่งทางการเงินเพราะเมื่อควบรวมกันแล้วบริษัทจะใหญ่ขึ้น มีทุนมากขึ้น ข้อดีคือ จะทำให้สามารถประมูลแข่งขันโครงการขนาดใหญ่กับบริษัทต่างชาติได้ โดยหลักในการพิจารณาของบอร์ดกทพ.ดูในเรื่องข้อดี ข้อเสียในการควบรวม ไม่มีผลกระทบต่อสัญญาสัมปทานและการทำงานแต่อย่างใด และภาครัฐไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใด รวมถึงข้อพิพาทต่างๆจะไม่มีผลกระทบ ภาระทั้งหมดยังเป็นไปตามเดิม เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงคู่สัญญาจาก BECL เป็นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (Bangkok Expressway and Metro: BEM) ซึ่งจะต้องมีการทำเป็นภาคผนวกแนบท้ายสัญญาเดิม แต่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระสัญญาสัมปทาน โดยหลังจากนี้กทพ.จะสรุปความเห็นชอบบอร์ดกทพ.รายงานไปยังคณะกรรมการกำกับสัญญาสัมปทานที่กระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน
นอกจากนี้ ทาง BECL ได้เสนอเรื่อง การต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนศรีรัช (ด่วนขั้นที่ 2 แจ้งวัฒนะ-พระราม 9) ซึ่งเหลืออายุสัมปทานอีก 5 ปีนั้น บอร์ดได้ มีมติตั้งแต่การประชุมบอร์ดเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยให้กทพ.ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ที่จะต้องมีการจ้างที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาถึงข้อดี ข้อเสีย ในการต่อสัญญาสัมปทานหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องต่อสัญญา แต่เป็นการวิเคราะห์จากข้อมูลที่มี โดยเห็นว่า หากครบสัญญา กทพ.บริหารจัดการเอง จะได้รับผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าต่อสัญญาสัมปทาน เนื่องจากขณะนี้ พนักงานเก็บค่าผ่านทางเป็นของกทพ. ทำให้มีความพร้อมในการทำเองทุกอย่างแต่ตามกฎหมายของกทพ. จ้างที่ปรึกษาเพื่อดูข้อดี ข้อเสีย อย่างรอบด้าน หากสรุปผลการศึกษาก็เสนอเข้ามาพิจารณาอีกที
“ ทาง BECL ได้ขอควบรวมกิจการกับ BMCLมาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว ซึ่งบอร์ดประชุมพิจารณาเรื่องนี้มา 2 ครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เพราะต้องการดูทุกประเด็นอย่างรอบด้าน ดูทุกแง่ทุกมุม จึงใช้เวลา โดยหลัก การพิจารณาของบอร์ดกทพ.คือ ดูในแง่ผลกระทบต่อคู่สัญญา ข้อดี ข้อเสีย และข้อพิพาท ซึ่งทางอัยการได้ให้ความเห็นว่า
ไม่มีผลกระทบ”
ตั้งเป้าสรรหาผู้ว่าฯกทพ.คนใหม่ ได้ในพ.ย.58
พล.ท.วิวรรธน์ กล่าวถึงการสรรหาผู้ว่าการฯ กทพ. คนใหม่แทนนายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าฯกทพ.คนปัจจุบันที่จะครบเทอมการทำงานในเดือน พ.ย. 2558 นี้ บอร์ดได้เห็นชอบ แต่งตั้งพล.อ.อ.ยุทธนา สุกุมลจันทรา เป็นประธาน คณะกรรมการสรรหาฯ ไปแล้วเมื่อเดือนมิ.ย. 2558 ที่ผ่านมา โดย หลังจากนี้คณะกรรมการสรรหาฯ พิจารณาเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้สมัครโดยจะนำเกณฑ์เงื่อนไขคุณสมบัติการสรรหาฯ ที่กำหนดในปี 2550และปี2554 มาประกอบการพิจารณา ว่าควรจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรหรือไม่ โดยหลักจะเน้นให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเปิดกว้างให้ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมสมัครได้มากที่สุด ทั้งภายในและภายนอกโดยกำหนดกรอบระยะเวลาสรรหาให้สรุปผลได้ก่อนเดือนพ.ย.นี้แน่นอน