“ขสมก.” ชี้อานิสงส์น้ำมันดีเซลราคาดิ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงลงได้วันละ 1 ล้าน ส่วนรายได้วันละ 10 ล้านไม่เพิ่ม เหตุไม่มีรถใหม่ ไม่มีแรงจูงใจผู้โดยสารใช้บริการเพิ่ม ลั่นเตรียมเซ็นสัญญา รถเมล์ NGV489 คันกับ “ช.ทวีดอลลาเซียน” 16 ก.ย.แน่ หลังศาลอาญาไม่รับฟ้อง “เบสท์ริน” เร่งรับมอบรถครบในกลาง ธ.ค.นี้ พร้อมเตรียมซ่อมใหญ่รถเก่า 600 คัน
นางปราณี ศุกระศร รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ขสมก.) เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันดีเซลลดลงมาอยู่ที่ระดับ 22.89 บาทต่อลิตร ได้ส่งผลดีทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ขสมก.ลดลงประมาณ 1 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งช่วยด้านผลประกอบการ ในขณะที่รายได้ยังอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาทต่อวัน เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารยังเท่าเดิมเพราะสภาพรถเก่ามาก และไม่มีรถใหม่เข้ามาจูงใจในการใช้บริการ
ส่วนความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ล็อตแรก จำนวน 489 คันนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ศาลอาญาไม่รับฟ้องกรณีบริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัดได้ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก.และพวก รวม 9 คน ดังนั้น ขณะนี้เหลือเพียงรอฟังผลจากคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) ซึ่งจะประชุมในวันที่ 26 ส.ค.นี้ กรณีที่เบสท์รินกรุ๊ปได้ยื่นอุทธรณ์ คาดว่าจะแจ้งผลอย่างเป็นทางมายัง ขสมก.ภายในต้นเดือน ก.ย. ในขณะเดียวกัน ขสมก.จะทำหนังสือถึงกลุ่มบริษัทร่วมค้า JVCC ที่มี บริษัท ช.ทวีดอลลาเซียนจำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำ ซึ่งเป็นผู้ชนะมูล ให้เข้ามาลงนามสัญญา ในวันที่ 16 ก.ย. 2558 โดยบริษัทฯ จะต้องเตรียมพร้อมในเรื่องหนังสือค้ำประกันจากสถานบันการเงิน (แบงก์การันตี) ให้เรียบร้อย
ทั้งนี้ ขสมก.มั่นใจได้ดำเนินการประมูลอย่างโปร่งใส ตั้งแต่กำหนดเงื่อนไขทีโออาร์ กำหนดราคากลาง 3.65 ล้านบาทต่อคัน และผลประมูลเหลือ 3.5 ล้านบาทต่อคัน ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อ ขสมก.และนอกจากมีข้อตกลงสัญญาคุณธรรมแล้วบอร์ดขสมก.ยังตั้งคณะกรรมการกำกับการจัดหารถ 489 คันอีกด้วย โดยตามแผนจะรับมอบรถ 50 คันแรก ในวันที่ 16 พ.ย. และรับอีก 100 คัน ในวันที่ 26 พ.ย. รับอีก 150 คันต้นเดือน ธ.ค. และครบจำนวน 489 คันในกลางเดือน ธ.ค.2558
สำหรับรถที่เหลือจำนวน 2,694 คันนั้น ตามมติคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ให้ขสมก.ทำการทดสอบประสิทธิภาพรถ 489 คันก่อน ซึ่งจะเน้นทดสอบเรื่องระบบรถชานต่ำ กับการวิ่งบนถนน และสะพานต่างๆ คาดว่าประมาณ 30 วันจะสรุปผลได้ ส่วนการจัดหารถเมล์ไฟฟ้านั้น กระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะทำงานศึกษา ไว้ว่าจะน่าจะทดลองที่ 500 คันแต่เนื่องจากราคารถเมล์ไฟฟ้าสูงกว่า 12 ล้านบาทต่อคัน ระยะเวลาคุ้มทุน 20 ปี ซึ่งจะเป็นภาระ ขสมก.อย่างมาก จึงต้องรอนโยบายที่ชัดเจนว่าจะจัดหาอย่างไร การลงทุนเป็นอย่างไร และมีโอกาสผลิตในประเทศเพื่อลดราคาลง หรือไม่
ทั้งนี้ ในระหว่างนี้ ขสมก.มีแผนจะปรับปรุงรถโดยสารเก่า (Overhaul) เฉลี่ยอายุประมาณ 24 ปี จำนวน 600 คัน เพื่อนำมาวิ่งทดแทนไปก่อน โดยได้ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบังศึกษาต้นทุนเพื่อนำมากำหนดราคากลางในการประมูลซ่อมบำรุง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยซ่อมบำรุงเฉลี่ยประมาณ 3-4 แสนบาทต่อคัน และตั้งเป้าจะทยอยปรับปรุงเดือนละประมาณ 70 คัน และเริ่มปรับปรุงในเดือน ธ.ค. จากกำหนดเดิมจะเริ่มเดือน ต.ค. 2558 ซึ่งปัจจุบัน ขสมก.มีรถทั้งหมด 3,000 คัน วิ่งให้บริการจริง 2,600-2,700 คัน เพราะต้องหมุนเวียนซ่อมบำรุง