“พาณิชย์” เตรียมหารือห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและลดค่าครองชีพในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมขอยืดอายุโครงการหนูณิชย์พาชิมในห้างไปจนสิ้นเดือน พ.ย. เล็งขยายร้านให้ได้ 1 หมื่นร้านทั่วประเทศภายใน 1 ปี จ่อนัดถกผู้ผลิตลดราคาสินค้า เหตุดีเซลลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี 3 เดือน
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการหารือกับห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ในการจัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแฟชั่น เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากปลายปีที่ผ่านมาการจัดงานค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงเดือน ต.ค. 2558 ซึ่งจะช่วยประชาชนลดค่าครองชีพและกระตุ้นกำลังซื้อได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ในช่วงวันพาณิชย์วันที่ 20 ส.ค. 2558 กรมฯ จะจัดงานลดราคาสินค้า โดยนำสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค มาจำหน่ายในราคาต่ำกว่าท้องตลาดที่กระทรวงพาณิชย์
สำหรับการดูแลราคาอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) กรมฯ จะหารือกับห้างสรรพสินค้าในการดูแลราคา โดยขอให้ห้างยังคงดำเนินโครงการหนูณิชย์ พาชิม ในพื้นที่ของศูนย์อาหารภายในห้างไปจนถึงเดือน พ.ย. 2558 เพื่อดูแลราคาอาหารจานด่วนให้กับประชาชนได้มีทางเลือกในการบริโภคอาหารภายในห้างต่อไป
นอกจากนี้ยังมีแผนจะขยายสาขาหนูณิชย์พาชิมทั่วประเทศ โดยได้หารือกับหอการค้าไทยเพื่อให้เข้ามาเป็นเครือข่ายขยายสาขาหนูณิชย์พาชิม ตั้งเป้าจากนี้ไป 1 ปี จะมีสาขาหนูณิชย์พาชิม 1 หมื่นร้าน จากปัจจุบันที่มีร้านหนูณิชย์พาชิม 3,000 ร้าน โดยยึดบุรีรัมย์โมเดลซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการและร้านค้าในพื้นที่ ที่ร่วมกันในการขยายสาขาร้านหนูณิชย์พาชิม และจะใช้โมเดลนี้ในการขยายไปยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการบริโภคอาหารจานด่วนราคาไม่เกิน 35 บาทเพิ่มขึ้น
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า การดูแลราคาสินค้าหลังจากราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงในรอบ 6 ปี 3 เดือน โดยล่าสุดราคาได้ปรับลดลงเหลือ 22.89 บาท/ลิตร กรมฯ จะเชิญผู้ผลิตสินค้าในกลุ่มสินค้าหนักมาสอบถามสถานการณ์ต้นทุนสินค้าว่าจะสามารถปรับลดราคาลงมาได้อีกหรือไม่ แต่ต้องยอมรับว่ายังมีตัวแปรสำคัญอีกตัวที่มีผลต่อราคาสินค้าว่าจะลดลงได้หรือไม่ คือ ต้นทุนวัตถุดิบ และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมา ที่ยังมีส่วนสำคัญต่อต้นทุนการผลิตสินค้า
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ศึกษาผลกระทบราคาน้ำมันดีเซลที่มีผลต่อราคาสินค้า โดยข้อมูลล่าสุดพบว่าราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับลดลงจาก 29.99 บาท/ลิตร เหลือ 23.29 บาท/ลิตร หรือลดลง 22.34% มีผลต่อต้นทุนราคาสินค้าลดลง 0.1-1% ซึ่งสินค้าที่ต้นทุนลดลง 0.1% เป็นกลุ่มสินค้าน้ำหนักเบา เช่น เส้นหมี่ ผงชูรส ผงซักฟอก ยาสีฟัน สบู่ เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ต้นทุนลดลง 1% จะเป็นกลุ่มสินค้าหนัก เช่น คอนกรีตบล็อก ปูนซีเมนต์ เหล็ก หมวกกันน็อก เป็นต้น
“กรมฯ อยากชี้แจงว่าแม้ราคาน้ำมันดีเซลจะปรับตัวลดลง ทำให้ต้นทุนขนส่งลดลง แต่ต้นทุนค่าขนส่งก็เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนสินค้า เพราะต้นทุนการผลิตสินค้าส่วนใหญ่อยู่ที่วัตถุดิบ ซึ่งมีสัดส่วน 70-80% ที่เหลือเป็นต้นทุนค่าขนส่ง ต้นทุนจากค่าแรงงาน ค่าเช่าโกดัง ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงทรงตัว และที่ผ่านมา เมื่อราคาดีเซลปรับขึ้น กรมฯ ก็ไม่เคยอนุมัติให้ผู้ประกอบการใช้เป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นสินค้า” นายบุณยฤทธิ์กล่าว