“ฉัตรชัย” สั่งชะลอประมูลข้าวเสีย 1.29 ล้านตันออกไปเป็นต้น ส.ค. พร้อมสั่งตรวจให้ชัดข้าวในโกดังมีข้าวดีปนอยู่มากน้อยแค่ไหน หากแยกออกมาจะคุ้มค่าหรือไม่ ถ้าคุ้มก็ต้องทำ เพื่อให้รัฐเสียหายน้อยที่สุด ยันมีระบบป้องกันข้าวเสียไม่ให้กลับเข้าสู่ตลาดบริโภค พร้อมเปิดระบายข้าวดีอีก 4.5 แสนตันปลายเดือนนี้
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเลื่อนการเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลในส่วนของข้าวเสียปริมาณ 1.29 ล้านตันจากเดิมที่กำหนดปลายเดือน ก.ค.นี้ออกไปเป็นต้นเดือน ส.ค. 2558 แทน เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบว่าข้าวที่จะนำมาเปิดประมูลเป็นข้าวเสียทั้งหมด หรือมีข้าวคุณภาพดีปนอยู่ด้วย เพราะหากมีข้าวคุณภาพดีปนอยู่ด้วย และสามารถคัดแยกออกมาได้ ก็จะทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงฯ ไปดำเนินการร่วมกับนักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) สภาเกษตรกรแห่งชาติ บริษัทตรวจสอบคุณภาพ (เซอร์เวเยอร์) ให้ร่วมกันตรวจสอบคุณภาพข้าวในโกดังที่มีการสรุปว่าเป็นข้าวเสีย โดยให้สำรวจว่ามีข้าวคุณภาพดีที่ควรจะทำการคัดแยกออกมาหรือไม่ และค่าใช้จ่ายในการคัดแยกและปรับปรุงคุณภาพข้าวคุ้มค่าหรือไม่
“ถ้าทำแล้วคุ้มค่าก็ต้องทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติมากที่สุด เพราะดีกว่าที่จะขายแบบเหมารวมไป แต่ถ้าดูแล้วไม่คุ้มค่า ต้องยอมที่จะเปิดประมูลแบบยกคลัง”
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สำหรับข้าวเสียที่จะเปิดประมูลนั้นยืนยันว่าจะมีระบบการป้องกันไม่ให้ข้าวเสียและข้าวที่มีเชื้อราปนปื้อนกลับเข้ามาสู่ระบบการบริโภค โดยในการเปิดประมูลจะมีการกำหนดเงื่อนไขไว้ในทีโออาร์ชัดเจนว่าจะต้องนำเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม และจะมีระบบการติดตามข้าวประมูลที่ขนออกจากโกดังว่าไปสู่ภาคอุตสาหกรรมจริง ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าข้าวเสียจะไม่มีการหลุดลอดออกไปอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในปลายเดือน ก.ค.นี้ กระทรวงฯ จะเปิดประมูลข้าวคุณภาพดีอีก 4-5 แสนตัน โดยมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจเข้าร่วมประมูลจากภาคเอกชน เพราะขณะนี้ข้าวในท้องตลาดไม่มีแล้ว และข้าวฤดูใหม่ก็ยังเพิ่งเริ่มเพาะปลูก ขณะที่ภัยแล้ง ได้ส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตข้าวของหลายๆ ประเทศลดลง ทำให้ความต้องการข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
สำหรับเป้าหมายการส่งออกข้าวในปีนี้ ประเมินว่าไทยจะส่งออกได้ที่ประมาณ 10 ล้านตัน เพราะการส่งออกข้าวในช่วงครึ่งปีหลังจะส่งออกได้เพิ่มขึ้นตามความต้องการที่สูงขึ้น และกระทรวงฯ ยังมีแผนที่จะเจรจาขยายตลาดส่งออกข้าว โดยสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปยังแอฟริกาใต้ซึ่งจะมีการเจรจาให้มีการซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้ประเมินว่า ผลจากการที่รัฐบาลมีสต๊อกข้าวคงเหลืออีกประมาณ 15 ล้านตัน ได้เป็นตัวกดดันให้ราคาข้าวเปลือกลดลง และยังกดดันราคาข้าวในตลาดโลกไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น เพราะผู้ซื้อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบซื้อข้าว ทั้งๆ ที่เป็นน่าจะเป็นโอกาสสำหรับการส่งออกข้าวไทยจากการที่สต๊อกข้าวโลกลดลง และเกิดปัญหาภัยแล้ง โดยประเมินว่า ปี 2558 ไทยจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 9.5 ล้านตัน ลดจากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 10 ล้านตัน